รีวิว Vivo S1 Pro | กล้องหน้า 32MP กล้องหลัง 48MP พร้อมดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร เป๊ะ ปัง อลังการทุกมุม

Vivo S1 Pro รุ่นอัปเกรดตระกูล S1 ที่ไม่ได้เปลี่ยนแค่ชิปเซ็ต หันมาซบค่าย Qualcomm เท่านั้น แต่พาร์ทกล้องถือว่าปรับเปลี่ยนเยอะมาก ทั้งกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าก็จัดเต็มด้วยเซ็นเซอร์ 32 ล้านพิกเซล มาพร้อมดีไซน์ทรงข้าวหลามตัดที่ไม่เหมือนใคร

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ดีไซน์กล้องหลังไม่เหมือนใคร

Vivo S1 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้การดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยการจัดวางกล้องหลังทรงข้าวหลามตัด (Diamond shape) ในแบบที่เห็นปุ๊บก็รู้ทันทีว่าเป็นรุ่นนี้ กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว สำหรับฝั่งซ้ายของข้าวหลามตัดที่ไม่มีกล้องมีตัวหนังสือ 48 MEGA PIXEL สีเงินตัดสีด้วยสีแดง ถัดลงมาเป็นไฟแฟลช ด้านล่างมีโลโก้ Vivo พร้อมข้อความ CAMERA & MUSIC ซึ่งเป็น 2 จุดเด่นของรุ่นนี้ ด้านข้างเครื่องเป็นปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่ม Power ที่ทำเป็นสีแดง ให้อารมณ์แบบสปอร์ต ด้านบนเป็นที่อยู่ของรูหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างเป็นพอร์ตชาร์จไฟ USB-C

ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าฝาหลังเครื่องไม่ได้เป็นสีเรียบๆ ทั้งหมด ถ้าส่องกับแสงถูกมุมจะเห็นลายเป็นเส้นๆ ตรงกลางเครื่อง

หน้าจอ

เมื่อหันมาด้านหน้าจะพบกับหน้าจอ OLED ขนาด นิ้ว ความละเอียด มีติ่งทรงหยดน้ำที่ค่อนข้างจะมีขนาดเล็ก ไม่เกะกะสายตา หน้าจอคมชัด ให้สีสันสดใสสวยงามสไตล์ OLED

แต่ถ้าใครรู้สึกว่าสีสดไป สามารถเข้ามาปรับเป็นค่าสีเป็นโหมดปกติ ที่ใช้ขอบเขตสี sRGB สีจะลดความสดใสลง และสามารถปรับอุณหภูมิของจอได้ด้วยตัวเอง

Vivo S1 Pro มาพร้อมโหมดมืดที่จะเปลี่ยนอินเทอร์เฟซหน้าจอเป็นสีดำ ที่มีผลตั้งแต่แอปพื้นฐานของเครื่องยันแอป Facebook

การใช้โหมดมืดที่เปลี่ยนหน้าจอเป็นสีดำ ช่วยทำให้การใช้หน้าจอในที่แสงน้อยสบายตาขึ้น และสำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้จอ OLED จะเป็นการช่วยประหยัดแบตเตอรี่ด้วย

กล้อง

สำหรับกล้องหลังของ Vivo S1 Pro มีด้วยกันทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล f/2.2
  • กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องวัดความลึก 2 ล้านพิกเซล f/2.4

ส่วนกล้องมาโครที่แยกออกมาทำให้สามารถถ่ายภาพจากระยะใกล้มากๆ จนเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

มีโหมดโบเก้ไว้ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยมีกล้องแยกเพื่อโหมดนี้โดยเฉพาะด้วย

สำหรับกล้องหน้าใช้กล้องความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล ให้ภาพที่คมชัดทุกรายละเอียด

ขึ้นชื่อว่า Vivo บอกเลยว่าฟีเจอร์สำหรับถ่าย Portrait และเซลฟีต้องไม่ธรรมดา อัดแน่นมาแบบจุใจ เริ่มจาก AI ที่จะตรวจจับใบหน้าพร้อมแยกเพศเพื่อช่วยปรับและแต่งหน้าให้เหมาะกับเพศ

สำหรับใครที่ชอบแบบปรับเอง Vivo ยังจัดเต็มมาให้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นสีผิว หน้าเนียน ปรับรูปหน้า ปรับูปทรงจมูก ขนาดตา ปาก ได้หมดทุกส่วนเหมือนมีช่างรีทัชภาพส่วนตัว

สำหรับกล้องหน้า สามารถเลือกโหมดสีได้จากหน้าแรกของเมนูกล้องเลย โดยมีให้ 2 โหมดคือโหมดสีธรรมชาติ และโหมดสดชื่นที่ช่วยดึงสีสันให้สดใสขึ้น โหมดนี้สาวๆ บอกชอบมาก ถ่ายปุ๊บสวยเลย

หรือจะใส่ฟิลเตอร์ปรับสีได้อีกนะ มีให้ปรับอย่างหลากหลายเลย

แต่งหน้าเสร็จ แต่เลือกท่าโพสไม่ถูก Vivo มีท่าทางโพสให้เลือกด้วยนะ จะถ่ายเดี่ยว ถ่ายคู่ แบบลุคใสๆ ลุคสปอร์ต ลุคชิลๆ มีให้เลือก แล้วจะมีเส้นประขึ้นให้เราโพสตามแบบง่ายๆ เลย

สำหรับคนที่จัดเฟรมภาพไม่เก่ง Vivo มีฟีเจอร์ องค์ประกอบถ่ายภาพบุคคล มาให้ เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ พอกล้องพบว่าเราจะถ่ายรูปคน กล้องจะแนะนำให้อัตโนมัติว่าควรจะวางเฟรมอย่างไร

สำหรับใครที่เซลฟี่คนเดียวแล้วกดชัตเตอร์ไม่ถนัด สามารถสั่งงานเครื่องให้ถ่ายอัตโนมัติด้วยการชูมือหรือพูดว่า Cheese ได้ด้วย

ภาพถ่ายจาก Vivo S1 Pro

ระบบเสียงอัจฉริยะ ปรับได้ละเอียด

อีกจุดเด่นของ Vivo S1 Pro นอกจากกล้องก็คือด้านเสียง โดยมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อ DeepField มาช่วยปรับแต่งเสียง สามารถจำลองเสียงแบบรอบทิศทาง หรือปรับแต่งเน้นเบส หรือเน้นความคมชัดและเสียงร้องก็ได้

สำหรับคนที่ชอบตั้งค่าด้วยตัวเอง มี Equalizer 10 Band มาให้ปรับ

และถ้าใครใช้หูฟังของ Vivo สามารถเลือกโปรไฟล์เสียงที่ตั้งเพื่อหูฟังตัวนั้นได้เลย

ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่

มาดูด้านประสิทธิภาพของเจ้า Vivo S1 Pro กันบ้าง ตัวนี้ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 665 พร้อมแรม 8 GB และพื้นที่ 128 GB ด้านสเปคอาจไม่แรงอะไรมากมาย แต่ก็แรงแบบเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมแบบไม่ปรับสุดได้ลื่นๆ ส่วนแบตเตอรี่ รุ่นนี้จุใจมากให้มาถึง 4,500 mAh แถมมีระบบชาร์จเร็ว Dual-engine Fast charge ของ Vivo ที่นอกจากจะชาร์จเร็วแล้วยังมั่นใจเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย

ในด้านการเล่นเกม Vivo มีโหมด Utra Game Mode ที่ช่วยปรับสภาวะเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกม และปิดแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ให้รบกวนเรา รวมถึงสามารถปิดจอโดยเกมไม่หยุดสำหรับคนชอบปล่อยบ็อท ทดสอบเล่น Call Of Duty : Mobile ปรับความละเอียดได้ระดับ High เล่นได้สบายๆ 20 นาที แบตเตอรี่ลด 6%

เกม RoV ต้องบอกเลยว่าเกมนี้ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อ Vivo S1 Pro จึงสามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูงได้ แถมเล่นได้แบบลื่นๆ เฟรมเรทไม่มีตก 26 นาที แบตเตอรี่ลดไปเพียง 4% เท่านั้น

PUBG เป็นอีกเกมที่ได้รับการปรับแต่งมา มีโหมด eSport ที่จะปรับแต่งประสิทธิภาพเครื่องให้พร้อมก่อนเล่น แถมด้วยระบบสั่น 4 มิติที่เครื่องจะสั่นเวลายิงปืนหรือมีศัตรูใกล้ๆ เล่น 20 นาที แบตเตอรี่ลดไป 3%

ฟีเจอร์อัจฉริยะอีกมากมายจาก Funtouch OS

เรียกว่าไม่พูดถึงไม่ได้กับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ Vivo ใส่มาพร้อมกับ Funtouch OS ของตัวเอง มาดูกันว่ามีอะไรเด่นๆ บ้าง

นำทางด้วยท่าทาง ใช้การปัดจากขอบจอ ไม่มีปุ่มให้เกะกะ

i Manager ดูแลเครื่องอย่าวครอบคลุม ทั้งกำจัดไฟล์ขยะ สแกนไวรัส บล็อกเบอร์แปลกปลอมในที่เดียว

EasyShare แอปที่ช่วยในการย้ายจากเครื่องเก่ามาเครื่องใหม่ได้ง่ายๆ แถมใช้ส่งไฟล์ให้คนอื่นได้ด้วย

โหมดมอเตอร์ไซค์ เพิ่มความปลอดภัยให้การขับขี่ของคุณ โดยให้รับโทรศํพท์เวลาจอดรถเท่านั้น

โทรผ่านวิดีโอแบบใบหน้าสวย ไม่ต้องกลัวเพื่อนตกใจเวลาไม่แต่งหน้า

Smart wake วาดตัวอักษรลงบนหน้าจอเพื่อเปิดแอปอย่างรวดเร็ว

บทสรุปของ Vivo S1 Pro

Vivo S1 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ชูจุดเด่นด้านกล้องอย่างชัดเจน ด้วยการประกบคู่ทั้งกล้องหน้าและหลังด้วยเซ็นเซอร์ความละเอียดสูง ร่วมกับซอฟต์แวร์อันชาญฉลาดของ Vivo น่าจะทำให้ Vivo S1 Pro ถูกใจสายเซลฟี่อย่างแน่นอน แถมด้วยสเปคที่พอยิ่งกว่าพอสำหรับการใช้งานทั่วไป และแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างจะอึดเลยทีเดียว มีระบบชาร์จเร็วจึงไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จ เรียกว่าเป็นรุ่นที่ครบเครื่องเลยสำหรับคนชอบเซลฟี่