รีวิว ไทบ้านxBNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ | ตอบโจทย์แฟนเซอร์วิส แต่ไม่ตอบโจทย์ความเป็นหนัง (5/10)

ไทบ้านxBNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ เป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง 2 จักรวาลที่มีจุดเด่นคล้ายๆ กัน คือมีความเฉพาะกลุ่มสูงมาก แต่กลับสามารถสร้างผลงานมาเจาะตลาดแมสได้ มาเจอกันแบบนี้ อย่าว่าแต่แฟนคลับของทั้งสองกลุ่มเลย คนทั่วไปก็ต้องอยากดู เพราะอยากรู้ว่าสองจักรว่านี้จะมาเจอกันได้อย่างไร อารมณ์ไม่ต่างกับความอยากดู Avengers ภาคแรกที่สงสัยว่าฮีโร่ที่มีความวิทยาศาสตร์สูงอย่าง Iron Man จะมาเจอกับฮีโร่เทพเจ้าอย่าง Thor ได้ยังไง

สำหรับเนื้อเรื่องเป็นการนำตัวบุคคลจริงๆ มาผสมกับเรื่องที่แต่งขึ้น เล่าเรื่องของบริษัท BNK48 ที่กำลังขาดเงินทุนอย่างหนัก เลยตัดสินใจที่จะทำอะไรใหม่ๆ ด้วยการผสมผสานดนตรีอีสาน เลยตัดสินใจไปว่าจ้างก้อง ห้วยไร่มาเป็นโปรดิวเซอร์ บังเอิญพอดีกับที่ก้องกำลังต้องการเงินอย่างหนักเช่นกัน จึงตัดสินใจรับงานมาแบบไม่มีแผนการใดๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องทำให้เวอร์ไว้ก่อนจะได้ดึงราคาได้เยอะๆ เลยวางแผนพาน้องๆ BNK48 ไปศรีสะเกษ บ้านเกิดก้องและชาวไทบ้านเพื่อซึมซับวิถีอีสาน

ด้วยเอกลักษณ์ของหนังไทบ้านที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แสดงเหมือนไม่ได้แสดง ทำให้น้องๆ BNK48 แสดงความเป็นตัวเองออกมาในหนังได้ และไม่ต้องพึ่งพลังแสดงมาก ในหนังเราจะได้เห็นโมเมนต์น่ารักๆ โก๊ะๆ ของเหล่าน้องๆ ที่ไปอยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่ได้เห็นตามปกติทั่วไป ได้เห็นน้องดำนา นั่งมอเตอร์ไซค์ กินอาหารแบบบ้านๆ พูดภาษาอีสาน ในขณะเดียวกันน้องๆ บางคนก็ได้เปล่งพลังแสดงของตัวเองออกมาชัดเจน โดยเฉพาะน้องเนย BNK48 ที่เป็นหนึ่งในตัวละครที่ขับเคลื่อนหนังเลย

ส่วนนักแสดงฝั่งไทบ้านยังแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิม แต่ก็มีตัวประกอบบางคนที่เหมือนชวนเพื่อนมาเล่น เพราะแสดงไม่ได้เลย ลืมบทกลางอากาศก็มี แต่นักแสดงตัวหลักก็ยังสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้อยู่

แต่สิ่งที่ทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝันของเรื่องนี้คือด้านเนื้อเรื่องที่เล่าอย่างสะเปะสะปะ ไม่มีความปะติดปะต่อ และหลายๆ ฉากก็ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ตั้งแต่ต้นจนจบผมก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าการไปศรีสะเกษได้อะไร น้องฝึกร้องเพลงตอนไหน ดราม่าบางอย่างดูแล้วช่างไร้สาระจนมันไม่ควรเกิดขึ้นกับการทำงานมืออาชีพระดับนี้ การบริหารจัดการวิกฤติในเรื่องก็ดูไม่สมจริงและไม่มืออาชีพจนถ้าเป็นบริษัทจริงๆ อาจจะสูญเสียศรัทธาของแฟนๆ ไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนที่ผมแอบชอบในหนังคือการ Tie in สินค้าที่ใช้การโฆษณาแบบหน้าด้านๆ ให้นักแสดงถือสินค้ากันจะๆ พูดสรรพคุณใส่กันแบบดื้อๆ แต่แทนที่จะรู้สึกถูกยัดเยียดกลับกลายเป็นความขำแทน

หากให้สรุป หนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ในการเซอร์วิสแฟนคลับได้ แต่ขาดการพัฒนาตัวบทที่ดี ทำให้ตกหล่นด้านความเป็นภาพยนตร์ไปอย่างมาก และสุดท้ายทำให้มันไม่ช่วยขายเพลงทั้งสองเพลงที่ทำมาเพื่อหนังเรื่องนี้ด้วย