รีวิว Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2 ภาคต่อที่แก้ไขปัญหาของรุ่นเดิมทั้งหมด
เมื่อปีที่แล้วเรียกได้ว่า Sennheiser MOMENTUM True Wireless สร้างกระแสได้ไม่น้อย นับว่าเป็นหูฟังไร้สายอีกรุ่นที่ขายดี และนักฟังก็มีข้อติชมออกมามากมายจนทำให้ทาง Sennheiser นำไปพัฒนาต่อยอดจนออกมาเป็น Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2
Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2 ยังคงถอดแบบจุดเด่นมาจากรุ่นแรกแทบทั้งหมด แต่มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยยังคงความโดดเด่นไว้ครบถ้วน
ราคาและโปรโมชั่น
โดยธรรมเนียมแล้วผมจะเขียนราคาและโปรโมชั่นไว้ท้ายสุดของบทความ แต่สำหรับหูฟังรุ่นนี้มีโปรที่ไม่ธรรมดาจนต้องหยิบมาเขียนเป็นเรื่องแรก ด้วยราคาเปิดตัว 11,999 บาท พร้อมของแถม 3 อย่างได้แก่
- Leather Case เคสหนังแบบ hand crafted จาก www.yellowstuffstore.com
- กระเป๋า Shoulder bag
- Powerbank Eloop e30
แบตเตอรี่ใช้งานได้ 28 ชั่วโมง สวมใส่สบายยิ่งขึ้น
แม้ว่า Sennheiser MOMENTUM True Wireless รุ่นแรกจะเป็นที่ชื่นชอบของนักฟัง แต่กลับมีปัญหาที่แก้ไม่ตกอย่างแบตเตอรี่ที่ไม่เข้าสู่สถานะ Sleep อย่างที่ควร ทำให้เมื่อเก็บเข้ากล่องแล้วแบตเตอรี่ยังคงลดลงอย่างรวดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งประเด็นนี้ก็ถูกแก้ไขเรียบร้อยใน Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2
นอกจากนี้ยังปรับปรุงด้านดีไซน์ต่างๆ ให้มีขนาดเล็กลงเล็กน้อย ทั้งตัวกล่องและตัวหูฟัง เพื่อให้พกพาง่ายขึ้นและสวมใส่ได้เบาสบายกว่าเดิม
หูฟังแบบ True Wireless ที่เน้นคุณภาพเสียง
โทนเสียงยังเป็นแบบเดียวกับรุ่นแรกคือแนวผู้ดีหวานนุ่ม มิติเสียงกว้าง ฟังแล้วไม่อึดอัด รายละเอียดเสียงดีมาก ไม่ว่าจะเป็นหางเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น เสียงลีดกีต้าร์ที่โดดเด่น เสียงร้องชัดเจน เสียงเบสกระชับ แต่ด้วยลักษณะเสียงที่มาแนวผู้ดีทำให้ไม่มีความดิบสาก จึงไม่เหมาะนักถ้าจะเอาไปฟังเพลงแนวดุดันมากนัก แต่สำหรับแนวอื่นๆ ก็ไปได้หมด และจะสวยงามเป็นพิเศษกับเพลงที่เสียงร้องหวานๆ
เพลงที่น่าจะหยิบมาเป็นตัวอย่างได้ดีเพลงหนึ่งคือ Wolf Totem – The Hu ที่เป็นแนว Metal ผสมเครื่องดนตรีแบบมองโกเลีย ความหนักของดนตรีทำให้โยกตามได้ เสียงเครื่องสายบาดลึก รายละเอียดมาดี แต่ความสากของเสียงร้องที่ลากต่ำแบบชนพื้นเมืองยังไม่สะเทือนอารมณ์มากนัก
อีกเพลงที่ผมชอบทดสอบคือ Kill This Love – BlackPink เบสค่อนข้างกระชับไม่หึ่งลากยาว แต่ที่ทำเอาผมแปลกใจคือนี่เป็นหูฟังตัวแรกที่ทำให้ผมได้ยินไลน์เสียงบางอย่างที่ไม่เคยได้ยินจากหูฟังตัวอื่นๆ ที่เคยทดสอบ แต่ก็ใช่ว่าหูฟังตัวนี้จะฟังเพลงโหดๆ ไม่ได้เลย เพราะการจับคู่กับบางเพลงก็ทำออกมาได้ดีมาก อย่าง Radio – Rammstein ที่โยกได้มันพอตัว แต่ก็อาจจะไม่ปลุกเร้าอารมณ์เท่ากับพวกหูฟังสายโหด ส่วน PA PA YA ( feat. F.HERO ) – BABYMETAL เป็นอีกเพลงที่เข้ากันได้ดีมาก หูฟัง True Wireless มักจะทำได้ไม่ดีนักเมื่อเจอเพลงนี้
ส่วนตัวแล้วผมชอบจับคู่หูฟังนี้กับเพลงสากลเก่าๆ ช่วงยุค 60-80 เสียงมีความใส หวาน นุ่ม ลอยเคลิ้มเพลินมาก อย่างเช่นเพลงของ Johnny Tillotson, Bobby Darin, Elvis Presley
จากการทดสอบลองฟังเพลงหลายๆ แนวพบว่านี่คือหูฟังขี้ฟ้องไม่ต่างจากรุ่นแรกเลย เป็นหูฟังที่ถ้าเจอเพลงที่เข้ากันได้แบบคู่แท้แล้วจะออกมาดีมาก แต่ถ้าเจอเพลงที่ไม่ใช่แนวแล้วก็จะดูตุ่นๆ ไปเลยทันที ซึ่งในภาพรวมแล้วจัดว่าอยู่ในระดับดีถึงดีมากซะเยอะ ถ้าชอบ Character เสียงของรุ่นแรกอยู่แล้วก็จะชอบเสียงของรุ่นนี้ครับ
แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกว่าเราสามารถปรับ EQ ผ่านตัวแอพได้ ในกรณีที่เราชอบโทนเสียงแบบอื่น
การสัมผัสควบคุมแม่นยำและง่ายกว่าที่เคย
สิ่งที่ปรับปรุงได้ดีกว่ารุ่นแรกมากก็คือระบบสัมผัสทีแม่นยำกว่าเดิมมาก การกดสั่งงานแทบไม่มีพลาดเลยสักครั้ง ต่างจากรุ่นแรกที่ต้องใช้สมาธิตั้งใจกด น้ำหนักการกดแต่ละครั้งทำได้พอดีมาก การปรับเสียงก็ทำให้ใช้งานได้ง่ายด้วยการกดค้างและระดับเสียงจะปรับเรื่อยๆ จนกว่าจะปล่อย ถือว่าเป็นอีกจุดที่พัฒนาขึ้นมาก
ความดีงามอีกอย่างคือเราสามารถ Customize ปรับเปลี่ยนการสั่งงานแต่ละปุ่มได้ด้วย
Active Noise Cancellation และ Transparent Hearing คู่หูจัดการเสียงภายนอก
ด้วย Form Factor ที่เป็นหูฟังลักษณะ In-ears ทำให้เราไม่ได้ยินเสียงภายนอก หากต้องการจะสนทนาก็ต้องถอดหูฟังซึ่งไม่สะดวกนัก ทำให้มีโหมด Transparent Hearing ช่วยให้เราได้ยินเสียงภายนอกอย่างชัดเจน สามารถสนทนาได้ปรกติโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
ส่วน Active Noise Cancellation ( ANC ) จะมีบทบาทที่ตรงกันข้าม แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วหูฟังแบบ In-ears จะปิดกั้นเสียงภายนอกได้แทบทั้งหมด จึงไม่เห็นความต่างมากนักในการใช้งานทั่วไป แต่ในบางกรณีที่มีเสียงรบกวนมากๆ เช่นการโดยสารบนเครื่องบินหรือรถทัวร์ที่เครื่องยนต์ดังหึ่งตลอดทาง การเปิดโหมด Active Noise Cancellation ก็จะเห็นความต่างได้ชัดยิ่งขึ้น สามารถตัดเสียงรบกวนให้สบายหูยิ่งกว่าเดิม
ครบถ้วนในความเป็น Gadget
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหูฟัง True Wireless ก็คือการเรียกผู้ช่วยส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น Siri หรือ Google Assistant ที่เราสามารถเรียกใช้งานได้ด้วยการสัมผัสที่หูฟัง รวมถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่จะหยุดเล่นเพลงเมื่อเราถอดออก และจะเล่นต่อเมื่อเราสวมใส่ นอกจากนี้ยังกันน้ำได้ที่ระดับ IPX4 สามารถกันเหงื่อได้ระดับหนึ่ง
เสียงตรงกับปาก ดูหนังได้ไม่ดีเลย์
แม้ว่าหูฟังรุ่นนี้ใช้วิธีการส่งสัญญาณจากหูฟังข้างขวาไปยังหูฟังข้างซ้าย ทำให้ไม่สามารถใช้หูฟังข้างซ้ายเพียงข้างเดียวได้ แต่ก็ต้องบอกว่ามีการปรับจูนให้เสียงแทบไม่มีความดีเลย์เลย สามารถใช้ดูหนังแบบภาพตรงกับเสียงได้
บทสรุปรีวิว Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2
อธิบายง่ายๆ ได้ว่าใครที่ชื่นชอบ Sennheiser MOMENTUM True Wireless รุ่นแรกอยู่แล้วแต่รู้สึกขัดใจนั่นนิดนี่หน่อย แนะนำให้ลอง Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2 ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาตัวเก่าแทบทั้งหมด