สมาร์ทโฟนในช่วงราคาเริ่มต้นนับว่าเป็นราคายอดนิยม และ Vivo Y20 ก็เป็นอีกรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในช่วงราคานี้ โดยหยิบเอาสิ่งที่ผู้ใช้จริงต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดหน้าจอ แบตเตอรี่ กล้อง รวมถึงเรื่องดีไซน์ที่ทำให้รุ่นนี้มีความน่าสนใจ
ดีไซน์สวยมีเสน่ห์ด้วยสแกนนิ้วข้างเครื่อง
ความงามชวนสัมผัสของ Vivo Y20 ที่เห็นได้แต่ไกลคือการไล่เฉดสีของฝาหลังแบบ Nebula Blue และ Dawn White ที่มีการเล่นแสงสะท้อนให้ดูมีมิติ กับตัวเครื่องแบบ 2.5D ที่ลบขอบมุมไม่มีส่วนใดที่สร้างความระคายเคืองให้ปลายนิ้ว
และส่วนที่โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือ Side-Mounted Fingerprint Scanner หรือปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้างในตำแหน่งเดียวกับปุ่ม Power ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะกับสรีระการถือเครื่องใช้งาน
และต้องบอกว่าการสแกนลายนิ้วมือทำได้รวดเร็วมาก ในระดับที่สัมผัสปุ่ม Power โดยยังไม่ทันจะกดปุ่มลงไปก็ปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าใครที่ชื่นชอบวิธีการปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า Vivo Y20 ก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน
จอใหญ่ แบตเตอรี่เยอะ เข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานจริง
ถ้ามองในด้านผู้ใช้งานจริงก็ต้องบอกว่า Vivo ทำการบ้านมาดีมาก โดยเริ่มจากหน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้วบนความละเอียด HD+ และ Notch กลางจอ โดยสีสันของหน้าจอก็ทำออกมาได้ดี ที่สำคัญคือมี Dark Mode ที่ดีมาก มืดดำถึงระดับแอพหลักๆ ส่วนความละเอียดระดับ HD+ แม้บางคนอาจจะมองว่าน่าจะได้ความละเอียดที่สูงกว่านี้ แต่ถ้ามองบนพื้นฐานความเป็นจริงแล้ว HD+ ก็ถือว่าเป็นความละเอียดที่สมเหตุสมผล เพราะเป็นความละเอียดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป และยังช่วยลดการประมวลผลทำให้เครื่องลื่นไหลและแบตเตอรี่อึดกว่าเดิม
นอกจากเรื่องหน้าจอขนาดใหญ่ที่เป็นสิ่งโปรดปรานของผู้ใช้กลุ่มนี้แล้ว ก็มีเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 5000mAh เรียกได้ว่าเป็นปริมาณความจุที่เยอะสุดๆ ทำให้ใช้งานได้ยาวนานมาก เหมาะกับคนที่ต้องการพกเครื่องเดียวอยู่ได้ทั้งวันแบบไม่ต้องพึ่งพาพาวเวอร์แบงค์ แต่น่าเสียดายว่า Vivo Y20 ไม่รองรับระบบชาร์จเร็ว ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแย่นัก เพราะการที่แบตเตอรี่มีความจุเหลือเฟือสำหรับการใช้งานระหว่างวัน เราก็แค่ชาร์จตอนนอนก็ตอบโจทย์การใช้งานจริงแล้ว
สเปคปรับแต่งมาดีพอสำหรับการเล่นเกมทั่วไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนจำนวนมากพิจารณาความลื่นไหลจากสเปค ซึ่งก็มีส่วนถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเราต้องดู Software และการปรับแต่งด้วย โดย Vivo Y20 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 4250 กับแรม 4GB และหน่วยความจำภายใน 64GB
แม้จะดูไม่หวือหวามากนักแต่ก็สามารถเล่นเกมจอมเขมือบสเปคอย่าง Survival Heroes ได้ ด้วยการตั้งค่า Graphic Low, High Frame Rate, High Definition ที่ให้เฟรมเรทส่วนใหญ่ได้ราว 58-60 fps ซึ่งผมมองว่าน่าประทับใจมากสำหรับราคานี้ ตรงนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ Ultra Game Mode ที่รีดประสิทธิภาพออกมาได้ดีมาก
Ultra Game Mode ที่ตอบโจทย์การเล่นเกม ไม่ใช่แค่การรีดประสิทธิภาพ
นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการรีดประสิทธิภาพและการบริหารจัดการการแจ้งเตือนให้ไม่รบกวนการเล่นเกมแล้ว ยังมีฟีเจอร์เด่นๆ อีกเพียบ อย่างเช่น Bot Mode ที่ให้เราปิดหน้าจอปล่อยบอทได้ยาวๆ นอกจากจะประหยัดแบตเตอรี่แล้วเครื่องยังไม่ร้อนอีกด้วย หรืออย่าง Esports Mode ที่รีดประสิทธิภาพแบบสูงสุด ช่วยปรับ Visual Effects และ Frame Rate กับอุณหภูมิให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีของสนุกๆ อย่าง Voice Changer ที่จะเปลี่ยนเสียงพูดของเราให้กลายเป็นเสียงสังเคราะห์ เช่น เสียงหุ่นยนต์ เสียงเด็ก ฯลฯ รวมถึงสามารถ Record บันทึกคลิปการเล่นได้ในตัว
แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ 4D Game Vibration ที่จะเพิ่มอรรถรสด้วยการสั่นตอบสนองตามเนื้อหาในเกม เช่นการโดนยิงก็จะมีการสั่น อารมณ์คล้ายกับการใช้จอยเกมจริงๆ หรืออย่าง Game Countdown ที่จะมีตัวเลขนับถอยหลังแม้เราจะออกจากตัวเกมมาทำอย่างอื่น
ทำให้เราไม่ต้องรอการนับถอยหลังเพื่อเริ่มเกมแบบน่าเบื่อเหมือนที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกว่าโหมดเจ๋งๆ พวกนี้ไม่ได้รองรับทุกเกม จากการทดสอบเบื้องต้นก็พบว่ารองรับ PUBG Mobile ได้ดี
กล้อง AI Triple Macro Camera พร้อมฟีเจอร์เพิ่มความสนุก
กล้องหลังของ Vivo Y20 มีความละเอียดสูงสุดที่ 13 ล้านพิกเซล โดยแบ่งเป็น กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล กล้องโบเก้สำหรับวัดระยะทำหน้าชัดหลังเบลอความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้องถ่ายมาโคร 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
โหมดการใช้งานกล้องเข้าใจได้ง่าย แม้แต่ผู้สูงวัยที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี โดยมีโหมด Panorama สำหรับแพนถ่ายเก็บภาพวิวกว้างๆ, Portrait สำหรับการถ่ายภาพบุคคลให้มีมิติหน้าชัดหลังเบลอ, ปรับบิ้วตี้เพิ่มความสวยหล่อได้, ถ่ายมาโครระยะประชิด, ถ่ายวีดีโอ, Timelapse, Slo-mo หรือแม้แต่โหมดสแกนเอกสารและโหมดโปร
ความน่าประทับใจก็คือกล้องรุ่นนี้ทำได้ดีเกินคาดมากๆ โดยเฉพาะในที่แสงเพียงพอ การถ่ายภาพบุคคลมีการทำ Bokeh หน้าชัดหลังเบลอได้เนียนมาก และการตั้งค่า Beauty ก็ทำได้หลากหลายแบบตามความต้องการของเรา
นอกจากนี้ยังมี Effect สวยๆ ให้เล่นอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะสายรุ้งและการทำฉากหลังให้ไม่มีสีที่ดูมีสไตล์และคนชอบกันเยอะ
อีกสิ่งที่ทำได้ดีมากก็คือกล้องมาโคร บางรุ่นที่ราคาหมื่นกว่าบาทยังทำได้ไม่ดีเท่า Vivo Y20 เลยด้วยซ้ำ ทั้งในแง่ความคมชัดและสีสัน
ด้วยความที่เป็นรุ่นเริ่มต้นทำให้รุ่นนี้ไม่มี Night Mode สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อย ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้ใช้กลุ่มนี้อาจไม่เข้าใจเรื่องการถือกล้องให้นิ่งจนครบระยะเวลา การตัดโหมดนี้ออกไปก็อาจทำให้ลดความสับสนของผู้ใช้ได้ดีกว่า
ส่วนกล้องหน้าก็อยู่ในเกณฑ์ดีมากเมื่อเทียบกับราคา สามารถตัดขอบได้เนียน มีฟิลเตอร์ต่างๆ ให้เล่นเยอะ จัดการแสงสี HDR ได้ดีไม่น้อยหน้ากล้องหลัง
ประสบการณ์ใช้งานจริง
ส่วนตัวแล้วผมมองว่า Vivo Y20 ไม่ใช่รุ่นที่บ้าสเปคแต่เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง ถ้าต้องเลือกจุดเด่นในงบที่จำกัด ไม่ใช่ทุกคนที่จะบ้าคลั่งสเปคที่มากเกินความจำเป็น โดย Vivo Y20 ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริงในช่วงราคานี้ ก็คือจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด สเปคต่างๆ ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล
สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากก็คือการเล่นเกม Survival Heroes ได้ลื่นไหลเกินคาด แม้ว่าจะไม่ได้เปิด Option จัดเต็ม แต่การเล่นได้เฟรมเรมราว 58-60 fps ก็ถือว่าทำได้ดีมากในราคานี้ ส่วน PUBG Mobile ก็ได้ทุกฟีเจอร์ของ Ultra Game Mode โดยเฉพาะ 4D Game Vibration ที่เพิ่มอรรถรสได้เป็นอย่างดี สร้างความแตกต่างให้กับสมาร์ทโฟนในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งแรม 4GB กับหน่วยความจำภายใน 64GB ก็ถือว่าเยอะสำหรับช่วงราคานี้ และก็เพียงพอสำหรับการใช้งานอย่างไม่ติดขัด
ความประทับใจถัดมาคือแบตเตอรี่ 5000mAh มันอึดสะใจมาก ชาร์จตอนนอนพอตื่นมาก็อยู่ได้ทั้งวัน แล้วก็ชาร์จอีกทีตอนนอนนั่นล่ะ แม้ว่าจะแอบเสียดายตรงที่ไม่มีระบบชาร์จเร็ว แต่ถ้าอิงการใช้งานจริงแล้วไม่ใช่ปัญหาเลย
ในแง่การดีไซน์และสรีรศาสตร์แล้ว Vivo Y20 น่าสนใจตรง Side-Mounted Fingerprint Scanner ที่สามารถสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อกได้จากปุ่ม Power ข้างเครื่อง และก็ยังสามารถสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้เช่นกัน ซึ่งการมีตัวเลือกแบบนี้ก็ช่วยให้เราเลือกใช้ตามสถานการณ์ได้เหมาะสมยิ่งขึ้น เช่น ในที่แสงน้อยมากๆ บางครั้งการสแกนใบหน้าก็อาจจะไม่สะดวกนัก การเปลี่ยนมาสแกนนิ้วแทนก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจกว่า
กล้อง AI Triple Macro Camera ก็ทำได้ดีในราคา โดยเฉพาะโหมด Super Macro ที่ทำได้ดีกว่ารุ่นกลางๆ บางตัวซะอีก และยังมีโหมด Beauty, Bokeh ที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล รวมถึง Effect ต่างๆ ที่เพิ่มสีสันให้การถ่ายรูปไม่น่าเบื่อ
โดยรวมแล้วถ้ามองที่ราคา 5,299 บาท ก็ถือว่า Vivo ปรุงแต่งออกมาได้คุ้มค่าและเข้าใจฐานผู้ใช้งานจริงมากๆ