รีวิว Skullcandy Indy EVO เสียงดีกว่าเดิม ดีไซน์เด่นมาแต่ไกล

Skullcandy Indy EVO ยังคงรักษาเอกลักษณ์จุดเด่นในแง่ดีไซน์ของทางค่ายไว้เป็นอย่างดี และมีการปรับจูนเสียงให้ฟังสนุกยิ่งขึ้น ต่างๆ จาก Skullcandy ตัวก่อนๆ ที่ผมเคยลองทดสอบที่จะเน้นไปทางย่านเสียงต่ำซะเยอะ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้หูฟังรุ่นนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ดีไซน์สีสันโดดเด่น กันน้ำกันฝุ่น ควบคุมสั่งงานได้ง่าย

ถ้าพูดถึง Skullcandy สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องของดีไซน์ ซึ่งรุ่นนี้มีให้เลือก 3 สีได้แก่ True Black ที่ให้อารมณ์ขรึมแบบมีสไตล์ ส่วน Chill Grey ก็ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายลงมาหน่อย และสีที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้เลยก็คือ Pure Mint ที่โดดเด่นมีสไตล์มากๆ

รีวิว Skullcandy Indy EVO เสียงดีกว่าเดิม ดีไซน์เด่นมาแต่ไกล 3

สีสันอันแสบทรวงนี้แทรกซึมไปทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวกล่องเคส, หูฟัง, จุกหูฟัง ทุกส่วนดูกลมกลืนไปในทิศทางเดียวกันหมด และยังกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP55 ซึ่งเพียงพอสำหรับการป้องกันละอองน้ำและเหงื่อระหว่างการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังสวมใส่ได้กระชับเหมาะกับการ Workout เนื่องด้วยตัวหูฟังมีก้านยางล็อกเข้ากับใบหูด้วย

การควบคุมสั่งงานครบถ้วนทั้งการควบคุมเพลง, การปรับเสียง, การโทร รวมไปถึงการเรียก Voice Assistant จำพวก Siri หรือ Google Assistant และการควบคุมสัมผัสไม่มีอาการลั่น การปรับเสียงใช้วิธีแตะแล้วปล่อย ไม่ใช่แบบกดค้าง สามารถปรับ EQ ได้จากการแตะหูฟัง โดยมีโหมด Music, Podcast, Movie ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีการจูนเสียงที่ต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีของดีอย่าง Ambient Mode ด้วย ซึ่งโหมดนี้จะทำให้เราได้ยินเสียงรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟังเลย

รีวิว Skullcandy Indy EVO เสียงดีกว่าเดิม ดีไซน์เด่นมาแต่ไกล 5

เสียงที่ได้จาก Ambient Mode ดูดเสียงสนทนารอบข้างได้ดี ระดับที่ได้ยินฝีเท้าคนเดินกันเลย ยังมีการดูดเสียงพูดจากปากของเราเข้ามาในระดับที่ได้ยินเสียงพูดตัวเอง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อดี เพราะบางรุ่นจะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ทำให้เราพูดดังเกินไป

แบตเตอรี่ 30 ชั่วโมงมีระบบชาร์จเร็ว สามารถค้นหาตำแหน่งของหูฟังได้

ตัวแอพทำออกมาสวยดูดี เมนูต่างๆ ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน และมีคู่มือวิธีใช้งานให้ดูกันได้ง่ายๆ ซึ่งแอพก็มีทั้งฝั่ง iOS และ Android นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดตรงที่การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.0 ที่มีระบบค้นหาพิกัดตำแหน่งหูฟัง โดยใช้แอพของ Tile ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งบน iOS และ Android …ดีงามมากสำหรับคนขี้ลืม

และความน่าสนใจอีกอย่างก็คือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้สูงสุด 30 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นตัวหูฟัง 6 ชั่วโมงละตัวกล่องชาร์จอีก 24 ชั่วโมง และที่สำคัญคือมีระบบชาร์จเร็ว 10 นาทีใช้งานได้ 2 ชั่วโมงผ่าน USB-C

เสียงมีเอกลักษณ์เหมือนเดิม แต่ฟังสบายมากขึ้น

แนวเสียงของ Skullcandy ส่วนใหญ่จะเน้นเบสเยอะๆ ตึ๊บๆ บางคนก็มองว่ามันอึดอัดไปหน่อย แต่คนที่ชอบก็จะรักเลย พอเป็น Skullcandy Indy EVO ก็ยังไม่ทิ้งลายเดิม เพียงแต่มีการจูนเสียงให้ออกมาฟังสบายมากขึ้น เสียงร้องและย่านเสียงสูงดูมีรายละเอียดมากขึ้น หากอ้างอิงสเปคแล้วต้องบอกว่าตัวไดร์เวอร์เคลือบไทเทเนียม ทำให้มีการตอบสนองและพลังเสียงที่ดีกว่าเดิมนั่นเอง

รีวิว Skullcandy Indy EVO เสียงดีกว่าเดิม ดีไซน์เด่นมาแต่ไกล 7

ราคา 4,390 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่ SKullcandy Official Store Lazada

Skullcandy Indy EVO มีราคาอยู่ที่ 4,390 บาท และยังมีโปรโมชั่นพิเศษที่ Skullcandy Official Store ตั้งแต่วันที่ 11 – 14 พ.ย. 2563 นอกจากนี้ยังมีส่วนลดพิเศษสำหรับผู้อ่านเว็บ BACIDEA ด้วย Voucher มูลค่า 400 บาท เหลือเพียง 3,xxx บาทเท่านั้น!

สรุป Skullcandy Indy EVO ดีไหม?

เรื่องของหูฟังและเสียงถือเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล ซึ่งถ้ามองในแนวเสียงทิศทางสไตล์แบบนี้ก็ต้องบอกว่า Skullcandy Indy EVO ทำได้ดี หากมองในแง่ของดีไซน์แล้วก็ถือว่าเป็นอีกจุดที่สร้างความโดดเด่น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการความซ้ำซากจำเจซ้ำกับคนอื่น นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จเร็วทำให้เราสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น และระบบค้นหาหูฟังที่ดีงามมากๆ เราสามารถประยุกต์ใช้ค้นหาตำแหน่งกระเป๋าก็ยังได้ ด้วยการเอาหูฟังใส่ไว้ในกระเป๋านั่นเอง หากมองรวมๆ แล้วก็คงต้องบอกว่าเป็นอีกรุ่นที่ดีมีสไตล์ครับ