หลังจากประสบความสำเร็จกับ Vivo V20 series ทั้ง Vivo V20 Pro 5G และ Vivo V20 ก็ทำให้มีรุ่นน้องเล็กอย่าง Vivo V20 SE ออกมาวางขายในราคา 8,699 บาท โดยยังคงจุดเด่นด้านกล้องและประสบการณ์ใช้งานที่คุ้มค่าในช่วงราคา
แนวคิดการออกแบบ กับประสบการณ์ใช้งานที่คุ้มราคา
Vivo V20 SE ถูกออกแบบด้วยแนวคิดและแรงบันดาลใจจากจักรวาลและความสง่างามของธรรมชาติ ที่ผสมผสานเข้ากับความเป็นแฟชั่นออกมาเป็นสี Gravity Black สีดำเข้มไล่ระดับที่ดูหรูหราราวกับถูกดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วงเข้าสู่เวลาของห้วงอวกาศอีกครั้ง ส่วน Oxygen Blue สีฟ้าอ่อนสดใสได้แรงบันดาลใจจากท้องฟ้า ราวกับออกซิเจนเหลวบริสุทธิ์ เปล่งประกายความสว่าง และความสงบอย่างมั่นคง ซึ่งนั่นคือเรื่องราวที่มาของการออกแบบสีสันและตัวเครื่อง
ในแง่การใช้งานก็เริ่มจากหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว AMOLED ความละเอียด FHD+ ที่ให้ความละเอียดและสีสันสวยงามตามมาตรฐาน ถือว่าทำได้ดีเมื่อเทียบกับราคาและยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเพื่อปลดล็อกด้วย
เรื่องของระบบเสียงก็มีความน่าสนใจตรงที่ให้ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. มาด้วย ทำให้ไม่ต้องใช้สายแปลงจาก USB-C นับว่าเป็นอีกจุดที่อำนวยความสะดวกได้ดี นอกจากนี้ยังมี Effect เพื่อจูนเสียงให้เหมาะกับนักฟังแต่ละช่วงวัย เนื่องจากหูของคนเราจะมีประสิทธิภาพการได้ยินย่านความถี่ต่างกันออกไปตามช่วงอายุ Vivo จึงมีระบบที่ช่วยชดเชยและเติมเต็มส่วนนี้ให้เราได้ฟังเสียงอย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพและตัวช่วยในการเล่นเกม
Snapdragon 665 กับแรม 8GB และหน่วยความจำ 128GB แม้ว่าจะไม่ใช่ชิปเซ็ตตัวแรง แต่ด้วยการปรับแต่งของ FunTouch OS 11 ก็ช่วยให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหล โดยการใช้งานทั่วไปจำพวกการใช้โซเชียลมีเดียพื้นฐานอย่างเช่น Facebook, Twitter, TikTok, Line, Instagram ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งอันที่จริงต้องบอกว่าสมาร์ทโฟนปี 2020 แทบทั้งหมดก็สามารถใช้งานพื้นฐานได้อย่างไม่ติดขัดแล้ว
ส่วนการเล่นเกมก็มีตัวช่วยอย่าง Ultra Game Mode ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพและเพิ่มตัวช่วยสำหรับคอเกมเช่น 4D Game Vibration ที่ให้อารมณ์เหมือนจอยสั่น รวมไปถึงระบบ Game Surround ที่ให้ทิศทางเสียงได้สมจริงยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องบอกว่าโหมดพิเศษพวกนี้ยังรองรับเกมไม่มากนัก ต้องรอให้มีการอัพเดทเพิ่มเติมในอนาคต
จากการทดสอบเล่นเกม Survival Heroes ถ้าจะให้ลื่นไหล 60 fps ต้องตั้งค่า Graphics Low, High Frame Rate, High Definition ก็จะช่วยให้เฟรมเรทนิ่งสูงกว่าเดิม ก็เรียกได้ว่าถ้าหากจะเล่นเกมก็สามารถทำได้ลื่น เพียงแต่จะไม่ใช่การตั้งค่าแบบปรับสุดแค่นั้นเอง ถือว่าทำได้ดีสำหรับชิปเซ็ตและช่วงราคานี้ นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จเร็ว 33W พร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4100mAh
กล้องดีคุ้มค่าสไตล์ Vivo ปี 2020
สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้น่าซื้อเป็นพิเศษก็คือเรื่องของกล้องที่มีคุณภาพดีเกินราคาและยังมี AI Editor ที่เก่งที่สุดในยุคสมัยอีกด้วย โดยกล้องหลังมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 48 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
โหมดการใช้งานและฟิลเตอร์ต่างๆ ถอดแบบจากรุ่นพี่มาเกือบทั้งหมด ตัวเลนส์เลือกได้ทั้ง Super wide-angle, Bokeh, Super macro ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือการถ่ายมาโครให้คุณภาพที่อยู่ในเกณฑ์ดี ขอบไม่เบลอเละเทะเหมือนบางรุ่น การตัดขอบในโหมด Bokeh และ Portrait ทำได้แม่นยำไม่แพ้รุ่นพี่
รวมไปถึงกล้องหน้าที่ทำได้ดีมาก แม้ว่าไม่มี Eye Autofocus แบบรุ่นพี่ แต่การทำ Face Detection ก็แม่นยำเพียงพอที่จะทำให้ภาพคมชัด เรียกได้ว่าเรื่องของภาพนิ่งไม่ได้น้อยหน้ารุ่นใหญ่ สามารถชนกับคู่แข่งราคาหมื่นกว่าบาทได้หลายๆ รุ่นเลย แม้ว่าจะเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือแสงภายในห้องก็ยังทำออกมาได้สวยน่ามอง และยังมีฟิลเตอร์ให้เล่นอีกเพียบ
แต่จุดต่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ก็คือโหมดวีดีโอถูกลดทอนความสามารถลงไปพอตัว ไม่มี Ultra Stable และลูกเล่นต่างๆ ส่วนคุณภาพงานวีดีโอก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ทั่วไปตามช่วงราคานี้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ถูกชดเชยด้วยสิ่งที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งทั้งหมดทั้งมวลอย่าง AI Editor ที่สามารถแยกชิ้น Layer และ Object แล้วปรับแต่งแยกชิ้นได้ ไม่ใช่แค่แต่งท้องฟ้า แต่ทำได้ทั้งการตัดภาพบุคคล, ลบวัตถุ, เบลอหรือเซ็นเซอร์ป้ายโฆษณา ฯลฯ
และยังมีทีเด็ดอย่าง HD Restore ที่ช่วยกู้ภาพเก่าให้ดูคมชัดยิ่งขึ้นด้วย AI ซึ่งผมยังไม่เคยเห็นค่ายไหนทำนอกจาก Vivo
ต้นฉบับ Memory Recall
สรุป Vivo V20 SE ดีไหม?
ถ้าคิดจะหาสมาร์ทโฟนเพื่อใช้เล่นเกมเป็นหลักรุ่นนี้ก็อาจไม่เหมาะนัก แต่ก็ใช่ว่าจะเล่นเกมไม่ได้เลยเพราะมันก็สามารถเล่นได้ลื่นเพียงแต่ต้องปรับลดระดับกราฟิกลงมาให้เหมาะสม และก็ลื่นไหลเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่สิ่งที่โดดเด่นมากก็คือเรื่องของกล้องในโหมดภาพนิ่งที่ทำได้ดีเกินราคาทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งปรกติแล้วในช่วงราคานี้เราต้องเลือกว่าจะเอากล้องหน้าหรือกล้องหลังดี ต่างจาก Vivo V20 SE ที่ให้กล้องมาแบบไม่ต้องเลือก ส่วนเรื่องของระบบกันสั่นที่ไม่มี Ultra Stable ในการใช้งานจริงเราก็สามารถใช้ Google Photo จัดการแทนได้ ถ้าหากคุณไม่ใช่คนที่เล่นเกมแบบจริงจังต้องปรับสุดทุกอย่าง และต้องการสมาร์ทโฟนที่สบายกระเป๋าก็ต้องบอกว่ารุ่นนี้ตอบโจทย์และดีในราคาครับ
นอกจากสรรพคุณที่ร่ายมาทั้งหมดแล้ว ต้องบอกว่า Vivo ยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ อีกมากมายที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น Vivo Share ที่นอกจากจะส่งไฟล์ข้ามเครื่องได้ง่ายแล้ว ยังสามารถส่งไปยัง PC ได้ง่ายทั้ง Windows และ macOS เพียงแค่สแกน QR ผ่านหน้าเว็บ vs.vivo.com ก็สามารถถ่ายโอนไฟล์ได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องเสียบสายหรือติดตั้งโปรแกรมเพิ่ม ด้านการปล่อย Hotspot ก็สามารถเลือกได้ว่าจะปล่อยสัญญาณ 2.4GHz ที่ส่งสัญญาณได้ไกลหรือ 5GHz ที่เร็วกว่า และยังรองรับการทำ Multi-User ให้เราสามารถใช้งานได้หลายคนบนเครื่องเดียว หรือแยกไอดีสำหรับการทำงานออกจากไอดีส่วนตัว เรียกได้ว่าเป็นอีกรุ่นที่คุ้มมากครับ
