รีวิว Vivo Y31 กล้องสวย ลำโพงดัง ราคา 7,499 บาท
วีโว่ประเดิมปี 2021 ด้วยการส่ง Vivo Y31 ลงสนามกับราคา 7,499 บาท โดยมีจุดเด่นเรื่องระบบเสียง Audio Booster ที่น่าจะถูกใจกลุ่มเป้าหมายที่รักความดัง และยังคงพกจุดเด่นด้านกล้องมาเช่นเคย ในราคาที่สบายกระเป๋าเหมาะกับยุคสมัย
อุปกรณ์ครบกล่องพร้อมใช้ ไม่ตัดหูฟัง ไม่ตัดหัวชาร์จ
แม้ว่าเทรนด์รุ่นเรือธงจะเริ่มตัดอุปกรณ์ในกล่องด้วยเหตุผลด้านการรักษ์โลก แต่สำหรับลูกค้าในช่วงราคาหลักพันยังคงต้องการแกะกล่องพร้อมใช้อยู่ ซึ่ง Vivo เองก็เข้าใจตรงจุดนี้จึงจัดเต็มให้ทุกสิ่งแบบไม่ต้องไปหาอะไรเพิ่มเติม
เริ่มจากหน้าจอที่ติดฟิล์มมาให้แล้ว มีเคสใสในกล่อง มีสายชาร์จแบบ USB-A to USB-C และหูฟังแบบ 3.5 มม. พร้อมกับ Adapter สำหรับชาร์จเครื่อง
ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สีได้แก่ Racing Black และ Ocean Blue โดยวัสดุฝาหลังเป็นแบบเงาสะท้อนซึ่งดูหรูแต่ก็เปื้อนรอยนิ้วมือง่ายเหมือนกัน แต่คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะใส่เคสอยู่ดีล่ะนะ ด้านบนและล่างมีการตัดขอบเพิ่ม Gimmick ให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ส่วนด้านข้างมีปุ่ม Power ที่ทำหน้าที่สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกด้วย
หน้าจอ Halo Fullview Display มีความละเอียด FHD+ บนขนาด 6.58 นิ้ว กับพาแนลแบบ IPS ตามมาตรฐานยุคนี้ ส่วนถาดซิมเป็นแบบ 2+1 ไม่ต้องเลือกระหว่างการใช้ซิมที่สองหรือ microSD เพราะสามารถใส่ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมและ microSD
สมาร์ทโฟนสำหรับคนรักเสียงเพลง
จุดเด่นด้านเสียงของ Vivo Y31 คือระบบ Audio Booster ที่ช่วยเพิ่มความดังของลำโพงขึ้นไปอีกระดับ มีความดังสูงสุดที่ 73dB เหมาะสำหรับคนที่ชอบเปิดเพลงเปิดข่าววางไว้ไกลตัวระหว่างทำนั่นทำนี่ และยังมีระบบ Super Audio ที่เป็นเหมือน EQ Presets ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสให้เหมาะกับการฟังแต่ละแบบ ได้แก่ Movie, Music, Game และยังมีระบบ Ear-customized sound effects เพื่อปรับจูนเสียงให้เหมาะกับคนแต่ละช่วงอายุ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรับย่านเสียงที่ต่างกัน
คุณภาพเสียงจัดว่าดีในช่วงราคา และการมีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. มาให้ ก็ช่วยให้เราสามารถดูหนังฟังเพลงได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องหาหัวแปลงให้วุ่นวาย
ประสิทธิภาพแบบ Snapdragon 662
Vivo Y31 เลือกใช้ชิปเซ็ต SoC ของ Qualcomm Snapdragon 662 ซึ่งเป็นชิปที่จัดอยู่ในกลุ่มระดับกลาง พร้อมกับแรม 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB ซึ่งหากวัดประสิทธิภาพในแง่การใช้งานจริงจากเกม Survival Heroes ที่ผมเล่นเป็นประจำ ก็ทำได้ในระดับลื่นสำหรับกราฟิกระดับ Low เฟรมเรทจะอยู่ค่อนข้างสูง ขึ้นลงแถวๆ 60 fps
และแน่นอนว่าความลื่นระดับนี้มาจาก Game Mode โดย Multi Turbo 4.0 จะช่วยรีดประสิทธิภาพให้ทำงานได้สูงสุด พร้อมกับมีตัวช่วยให้เหมาะกับการเล่นเกมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการล็อกแสงหน้าจอไม่ให้กระโดดไปมา หรือการบล็อกสิ่งรบกวนระหว่างเล่นเกม หรือแม้กระทั่งโหมดสำหรับการปล่อยบอทอย่าง Autoplay with screen off
ในแง่ Software ก็มาพร้อมกับ Android 11 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกปรับจูนในแบบฉบับของ Funtouch OS ทำให้การใช้งานจริงมี UI ที่ลื่นไหล ตบท้ายเรื่องสเปคด้วยแบตเตอรี่ที่มากถึง 5000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 18W ที่ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันก็ว่าได้ แถมยังชาร์จได้รวดเร็วอีกด้วย
กล้องยังคงความโดดเด่นในแบบฉบับของ Vivo
Vivo Y31 ยังคงมีกล้องหน้าที่ดูดีกับความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 ช่วยให้ภาพดูสว่างน่ามองมากขึ้น ส่วนกล้องหลังจะเป็นแบบ 3 ตัวได้แก่กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ส่วนอีกสองตัวจะมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และมีรูรับแสงเท่ากันที่ f/2.4 สำหรับทำโบเก้หน้าชัดหลังเบลอและถ่ายมาโคร
ด้านฟีเจอร์ต่างๆ ได้จุดเด่นอย่าง Portrait light effect จากรุ่นพี่ๆ โดยเฉพาะ Rainbow light และ Monochrome ที่คนชอบกันเยอะ และยังมีโหมด Bokeh แยกออกมาต่างหากสำหรับถ่ายวัตถุใดๆ ให้มีหน้าชัดหลังเบลอเพิ่มความน่าสนใจ โดยโหมดถ่ายบุคคลจะอยู่ในชื่อ Portrait ซึ่งมี Beauty mode ให้เพิ่มความสวยเนียนใส
Night mode นอกจากจะช่วยเก็บภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถใส่ฟิลเตอร์เก๋ๆ ได้ด้วย
ส่วนกล้องหน้าก็ทำได้น่าประทับใจแม้จะอยู่ภายใต้แสงไฟในอาคาร ซึ่งคนไทยนิยมถ่ายรูปกันในตัวอาคารมากกว่าจะถ่ายในที่กลางแจ้ง
เลนส์มาโครให้คุณภาพที่น่าสนใจมาก สีสันและรายละเอียดถือว่าทำได้ดี และจะสังเกตเห็นว่าบริเวณรอบๆ ไม่แตกและไม่เป็นวุ้น
อันที่จริงแล้วยังมีอีกโหมดที่คนไม่ค่อยนึกถึงคือ Pro ที่ให้เราปรับตั้งค่าแบบ Manual ได้ละเอียดแบบช่างภาพ ทำให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดั่งใจยิ่งขึ้น
ปิดท้ายด้วยโหมด Panorama ที่ทำให้เราเก็บภาพได้กว้างมาก สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายสถานการณ์ เช่น ภาพวิว, สิ่งก่อสร้าง, ภาพถ่ายรวมญาติ
สรุป Vivo Y31 ดีไหม?
ที่จริงแล้ว Vivo เป็นแบรนด์ที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของกล้อง รวมถึง Funtouch OS ที่ได้รับคำชื่นชมจากหลายสำนักว่าทำได้ลื่นไหลเมื่อเทียบกับสเปคเดียวกัน แต่สิ่งที่พิเศษสำหรับรุ่นนี้คือลำโพงที่เพิ่ม Audio Booster ให้ดังยิ่งกว่าเดิม และถือว่ามีคุณภาพเสียงที่ดีเมื่อเทียบกับราคา
ผมมองว่ารุ่นนี้จะถูกใจเป็นพิเศษกับกลุ่มคนที่ชอบเปิดลำโพงดังๆ ระหว่างทำงาน รวมถึงเด็กและวัยรุ่นที่เน้นความสนุกแบบหมู่คณะกับเสียงที่ได้ยิน ซึ่งไม่ค่อยมีรุ่นไหนที่ชูจุดเด่นด้านความดังของลำโพงแบบนี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้กล้องดีๆ กับหน้าจอขนาดใหญ่และแบตเตอรี่ที่เยอะมากๆ