รีวิว Mi 11 Lite น้ำหนักเบาสมชื่อ แต่หนักด้วยคุณภาพ จอสวยงาม ลำโพงดีมาก
ตอนที่ Mi 11 Lite ส่งมาถึงมือ สิ่งแรกที่ผมตื่นเต้นก็คือน้ำหนักของตัวเครื่องที่เบามาก เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนปี 2021 ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเกิน 190 กรัมจนเป็นเรื่องปรกติ แต่ Mi 11 Lite กลับมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 157 เท่านั้น โดยยังอัดฟีเจอร์และสเปคต่างๆ มาให้แบบไม่น้อยหน้าใคร
น้ำหนัก 157 กรัม บาง 6.81 มม.
หากถามว่าอะไรคือจุดขายของรุ่นนี้? ส่วนตัวผมมองว่าคือเรื่องของน้ำหนักที่เบาแสนเบาเมื่อเทียบกับยุคสมัย ซึ่งความเบานี่แหละที่ทำให้มันสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่ารุ่นอื่นๆ ได้ เช่นคนที่พกสมาร์ทโฟนติดตัวทีละ 2-3 เครื่องแบบผม จะปลื้มกับน้ำหนักของรุ่นนี้มากๆ หรืออย่างคนที่ชอบถือเล่นก่อนนอน ก็ลดโอกาสที่จะสร้างความบาดเจ็บจากการหล่นใส่หน้า รวมไปถึงการถือดูหนังหรือเล่นเกมนานๆ ที่เมื่อยน้อยกว่าด้วย
จะเห็นได้ว่าความบางเบาของ Mi 11 Lite คือจุดขายของรุ่น ที่สร้างประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่วางขายในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
อุปกรณ์ครบกล่องพร้อมใช้
อุปกรณ์ในกล่องเป็นไปตามมาตรฐาน คือมีอุปกรณ์เสริมอย่างสายชาร์จ อแดปเตอร์ 33W รวมถึงเคสและฟิล์มติดมาให้ โดยเนื้อฟิล์มอยู่ในเกณฑ์ดี ภาพใสและคมชัด ส่วนการสัมผัสถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปจัดว่าดีเหลือเฟือ ควบคุมสั่งงานได้แบบติดนิ้ว
เต็มอิ่มประสบการณ์ความบันเทิงด้วยหน้าจอ AMOLED และลำโพงคู่
เห็นตัวบางร่างเล็กแบบนี้ ถ้าเป็นด้านความบันเทิงนับว่าจัดจ้านเกินตัว ด้วยหน้าจอขนาด 6.55 นิ้ว AMOLED DotDisplay รองรับการแสดงผล HDR10 รองรับ Refresh Rate 90Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz พร้อมกับลำโพงคู่ นอกจากนี้ยังใช้เซ็นเซอร์การวัดแสงแบบ 360° ambient light sensors ที่ใช้การเฉลี่ยความสว่างจากรอบห้องเพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเซ็นเซอร์แบบดั้งเดิมที่วัดแสงจากด้านหน้าเท่านั้น
ด้านความแข็งแรงก็หน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 5 ด้วยคุณภาพหน้าจอและลำโพงแบบนี้ ทำให้การดูหนังฟังเพลงบวกกับน้ำหนักเครื่องที่เบามาก ก็สร้างประสบการณ์ใช้งานที่น่าประทับใจ ถือดูหนังนานๆ ได้โดยไม่เมื่อยจนเกินไป
สเปคเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป
ด้วยสเปคที่เลือกใช้ Snapdragon 732G ทำให้มีความเร็วเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป สามารถเล่นเกมได้ในระดับกลางๆ โดยตัวแรมเป็นแบบ LPDDR4X ซึ่งอยู่ในกลุ่มมาตรฐานของยุคนี้ แต่ให้หน่วยความจำที่ดีกว่ามาตรฐานด้วย UFS 2.2
ด้วยสเปคระดับนี้คงไม่สามารถเอาไปเทียบกับตัวทอปจัดเต็มในกลุ่ม Snapdragon 8 เหมือนพวก Mi 11 ได้ แต่ก็ดีพอที่จะใช้ในการเล่นเกม Genshin Impact ได้ในกราฟิกระดับ Low เช่นกันกับเกม Survival Heroes ที่ผมเล่นเป็นประจำ ส่วนแบตเตอรี่ให้มา 4250mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 33W
กล้องจัดว่าดีทั้งหน้าและหลัง
ความน่าสนใจของ Mi 11 Lite ก็คือภาพรวมของกล้องจัดว่าดีไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าหรือว่ากล้องหลัง โดยกล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังใช้ดีไซน์แบบ Dazzling halo ring ที่วางกล้องหลัง 3 ตัวและแฟลชเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยม
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
- กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล
- กล้องเทเลมาโคร 5 ล้านพิกเซล
จุดที่น่าสนใจเป็นพิเศษจากที่ได้ลองใช้งานจริงก็คือกล้องหน้าและกล้องเทเลมาโคร โดยกล้องหน้าให้ภาพที่จัดว่าคมแม้อยู่ในสภาพแสง Indoor ส่วนกล้องเทเลมาโครก็ทำให้ได้ภาพที่ชิดใกล้เข้าไปอีก ส่วนของโหมดวีดีโอก็มี Steady VDO เพิ่มความนิ่งลดการสั่น
ในภาพรวมแล้วถือว่ากล้องของรุ่นนี้ทำออกมาได้ดี และยังได้ฟีเจอร์เด็ดๆ ของ MIUI 12 เช่น Movie effects, VLOG, Dual VDO, Clone, Long exposure ที่เพิ่มความสร้างสรรค์ให้ได้ภาพที่สวยแปลกตายิ่งขึ้น รวมไปถึงโหมดเปลี่ยนท้องฟ้า และยังสามารถลบลายน้ำที่เราอาจใส่ไว้ขิงชาวบ้าน แล้วลืมปิดโหมดนี้ก่อนเอาไฟล์ไปใช้งาน
บทสรุปรีวิว Mi 11 Lite
ถ้ามองหาของแรงรุ่นนี้คงไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้ามองหาประสบการณ์ใช้งานที่ดีรอบด้านเหมาะกับคนส่วนใหญ่ เน้นการใช้งานทั่วไปมากกว่าการบ้าสเปคแรงๆ ผมมองว่า Mi 11 Lite ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
โดยจุดเด่นหลักๆ อยู่ที่น้ำหนัก 157 กรัมแต่ได้หน้าจอ AMOLED พร้อมลำโพงคู่ กับสารพัดลูกเล่นของ MIUI ทั้งที่เน้นความสวยงาม หรือแม้แต่เน้น Productivity อย่างการโคลนแอพที่ทำได้เยอะกว่าค่ายอื่นๆ เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์หลายไอดี หรือคนทำงานออนไลน์ทั้งหลาย ก็ทำให้ Mi 11 Lite เป็นอีกรุ่นที่กลมกล่อมลงตัวและน่าใช้ครับ