OPPO Find X5 Pro 5G เปิดตัวแบบจัดเต็มในราคา 39,990 บาท และหลายคนก็บอกว่าแพงเกิ๊น ซึ่งถ้าว่ากันด้วยเหตุและผลแล้วมันก็สมราคาครับ ด้วยสเปค ดีไซน์ และราคาตลาดในยุคโควิดที่สูงขึ้น และรุ่นนี้เอาใจฐานแฟนกล้อง Hasselblad ด้วยการจับมือร่วมกันพัฒนาคาแรกเตอร์ของกล้องด้วย
สเปคคู่ควรกับการเป็นเรือธง
ในแง่สเปคแล้ว OPPO Find X5 Pro 5G เรียกได้ว่าจัดสุดทุกด้านจริงๆ ครับ ให้ Snapdragon 8 Gen 1 แรม 12 GB หน่วยความจำภายใน 256 GB แบบ UFS3.1 หน้าจอ 6.70 นิ้ว QHD+, Touch Sampling Rate 240 Hz, AMOLED, LTPO แบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อมชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC Flash Charge
หากมองในแง่สเปคแล้วจัดว่าดุดันเล่นได้ทุกเกม ส่วนเรื่องความร้อนผมมองว่าอยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับปี 2022 และหน้าจอก็ทำออกมาสวยมากในการใช้จริง เรื่องของเสียงจากลำโพงอยู่ทำได้ดีไม่ขัดใจครับ
จุดที่น่าสนใจก็คือ OPPO Find X5 Pro 5G ได้ทำชิปเพิ่มสำหรับการประมวลผลภาพด้วย NPU คือ MariSilicon X โดยมีกล้องแบ่งเป็น
- กล้องหลัก 50 MP, f/1.7, dual-OIS 5-axis stabilization
- กล้องมุมกว้าง 50 MP, f/2.2, 4 cm marco
- กล้องเทเล 13 MP, f/2.4
- กล้องหน้า 32 MP, f/2.4
ดีไซน์เซ็กซี่สวยเด่นสะกดสายตา
สิ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษก็คือดีไซน์ครับ เพราะสเปคแรงๆ ใครก็ทำได้ แต่ดีไซน์ให้ลงตัวและโดดเด่นนี่หาได้ยาก ซึ่ง OPPO ทำออกมาได้ดีมาก โดยการเทองศาเอียงลาดจากตัวกล้องลงมาแบบมีความตัดเฉียง ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ ไม่แข็งทื่อ ส่วนด้านหน้าเลือกใช้หน้าจอแบบที่ขอบโค้งน้อยมาก เพื่อให้เป็นมิตรต่อปลายนิ้ว แต่ก็ไม่เยอะมากจนพิมพ์ได้ยาก
จุดที่ต้องพูดถึงก็คือตำแหน่งการวางกล้องหน้า เพราะการวางไว้ที่มุมบนซ้ายมีข้อดีตรงการเล่นเกม เนื่องจากตอนที่เราวางมือลงไปก็จะบังรูกล้อง ทำให้ภาพรวมดูแสดงผลได้เต็มตา แต่ปัญหาคือการ Selfie หรือการทำ VDO Call ที่กะมุมองศาได้ยากเนื่องจากไม่ได้วางไว้กึ่งกลาง
และที่สำคัญคือเคสในกล่องก็สวยมากๆ ด้วยครับ ใส่แล้วไม่บดบังความสวยของตัวเครื่องเลย แต่ยิ่งขับความโดดเด่นเพิ่มขึ้นมาอีก และของจริงสวยกว่าในรูปพอตัวเลย
ต้องยอมรับว่า ColorOS คือระบบที่ดีมาก
อีกจุดที่ทำให้สมาร์ทโฟนมีความสมาร์ทก็คือ Software ซึ่ง OPPO ก็มี ColorOS 12.1 ที่ทำออกมาได้ลงตัวมาก ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่รวมไปถึงความ Consistency ของ UI/UX ต่างๆ ที่แต่ละส่วนดูเข้ากันอย่างลงตัว และยังมีฟีเจอร์เด่นๆ อีกหลายอย่างเช่น Riding mode สำหรับใช้งานตอนขับขี่ หรือ Quick Launch ที่สแกนนิ้วเพื่อปลดล็อกพร้อมกับปัดนิ้วเลือกเข้าแอพด่วนได้ทันที หรือในกรณีที่ทำอาหารแล้วมือเปื้อนก็มี Air Gestures ที่ใช้มือปัดกลางอากาศเพื่อสั่งงานได้ทันที
กล้องที่สีสดในทุกสถานการณ์
OPPO Find X5 Pro 5G เน้นทั้งเรื่องภาพนิ่งและวีดีโอ โดยเฉพาะคุณภาพของกล้องหลักที่ทำกันสั่นได้ดี ในแง่การใช้งานจริงก็เรียกได้ว่าเป็นกล้องที่ถ่ายง่าย ถ่ายอะไรก็ออกมาดูสีสันสดสวย ซึ่งคาแรกเตอร์สีของรุ่นนี้ OPPO เรียกมันว่า “สีธรรมชาติ” แต่ส่วนตัวผมมองว่ามันเร่งสีทุกสิ่งอย่างให้ดูสดขึ้น ซึ่งอันนี้ก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนครับ
ส่วนกล้องหน้ากับการ Selfie ก็ยังคงเอกลักษณ์จุดเด่นของ OPPO ได้เป็นอย่างดี โดยให้สีสันความคมชัดและสีผิวที่คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบ ภาพดูไม่หลอกเกินไป
สภาพแสง indoor สามารถถ่ายอาหารได้สวยมาก แม้แต่รูปหอยเชลล์ที่บางรุ่นถ่ายออกมาขาวโพลน แต่สำหรับ OPPO Find X5 Pro 5G ก็ให้รายละเอียดที่ดีมาก ส่วนงาน Portrait ก็สวยงามตามมาตรฐาน OPPO ทั้งกล้องหน้าและหลัง
ส่วนงานวีดีโอ OPPO ชูจุดขายด้าน Ultra HDR Video และ 4K Ultra Night Video ซึ่งคลิปที่ออกมาจะไม่ได้สว่างจ้าแบบมืดเป็นสว่างเหมือนกับคู่แข่งบางรุ่น แต่จะมีความสมจริงของสถานการณ์อยู่ แบบที่มืดก็ดูมืด เพียงแต่เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับคมชัดเท่ากับที่แสงเยอะ
ในภาพรวมแล้วถือว่าถ่ายได้ง่ายและสวยครับ แต่โหมด XPAN ที่ OPPO ใส่เข้ามาให้ ในการใช้งานจริงมันก็เป็นเหมือน Gimmick ซึ่งหมายถึงลูกเล่นสนุกๆ ที่ไม่ได้เอาไปใช้งานจริง โดยจุดต่างหลักก็คืออัตราส่วนของภาพที่ดูกว้างกว่าปรกติแค่นั้นเลยครับ และการถ่ายก็จะจำลองการใช้งานกล้อง Hasselblad ที่ต้องกดถ่ายแล้วก็รอการประมวลผลนานกว่าปรกติ
บทสรุป OPPO Find X5 Pro 5G
รวมๆ ก็ต้องบอกว่านี่คือสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่เซ็กซี่น่าใช้ ลงตัวทั้งดีไซน์ สเปค ฟีเจอร์ รวมไปถึงกล้อง เพียงแต่ราคาที่สูงลิ่วกับชื่อชั้นของ OPPO ที่วางมือจากเรือธงมานาน และหันไปทำตามสถิติทางการตลาด โดยเน้นที่ตลาดกลางและล่าง จนพุ่งทะยานมียอดขายเป็นหัวแถวของไทย ทำให้คนรู้สึกว่าแพง ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ได้แพงเลย และเป็นรุ่นที่ครบเครื่องมากๆ อีกด้วย
