รีวิว HONOR X7 ควบ HONOR X8 การกลับมาของแบรนด์แห่งนวัตกรรม

HONOR หายหน้าหายตาจากบ้านเราไปพักใหญ่ แต่คราวนี้เค้ากลับมาอีกครั้งจากความร่วมมือของ Synnex โดยรุ่นที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้คือ HONOR X7 และ HONOR X8 กับสเปคและราคาในระดับกลางๆ ที่เอื้อมถึงได้ง่าย เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน

ราคาของ HONOR X series

การเปิดตัวในไทยครั้งนี้ HONOR เริ่มปูพรมด้วย HONOR X series ทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

• HONOR X9 ราคา 9,299 บาท
• HONOR X8 ราคา 7,999 บาท
• HONOR X7 ราคา 6,299 บาท

สเปคครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่

HONOR X7 และ HONOR X8 มีความคล้ายกันในส่วนหลักๆ คือใช้ Snapdragon 680 เหมือนกัน ระบบชาร์จเร็ว 22.5W HONOR SuperCharge เท่ากัน และมีพื้นที่ภายในตัวเครื่องเท่ากันคือ 128 GB แต่ก็มีความต่างด้านอื่นๆ ตามตารางนี้ครับ

ในภาพรวมจะเห็นได้ว่า HONOR X7 มีจุดน่าสนใจตรงที่เลือกใช้ความละเอียด HD+ ทำให้แบตเตอรี่อึดกว่าเดิม และก็ลื่นไหลขึ้นด้วย เพราะใช้แรงในการประมวลผลน้อยกว่า ส่วนแรม 4 GB สำหรับการใช้งานทั่วไปก็ไม่มีปัญหาครับ อันที่จริงมันดีพอสำหรับการเล่นเกมฆ่าเวลาเลยล่ะ และยังมี Ram Turbo อีก 2 GB ที่เอาหน่วยความจำภายในมาจำลองเป็นแรม เสมือนมีแรม 6 GB ก็ช่วยให้การเปิดแอปพร้อมกันได้เยอะขึ้น

และด้วยองค์รวมแบบนี้ทำให้ HONOR X7 แบตเตอรี่อึดมาก เหมาะกับการใช้เป็นเครื่องสำรอง หรือเอาให้เด็กหรือผู้สูงวัยใช้ หรือแม้แต่อาชีพที่ซีเรียสกับแบตเตอรี่ที่ห้ามหมดระหว่างวัน ในขณะที่ HONOR X8 ให้สเปคที่สูงขึ้นมาอีกระดับ ขยับจอมาเป็น FHD+ ที่ดูแล้วเนียนตามากกว่า รวมถึงให้กล้องที่ละเอียดขึ้น เหมาะกับคนส่วนใหญ่ ก็ทำให้ทั้งสองรุ่นนี้มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป

ดีพอสำหรับการเล่นเกมเพื่อความบันเทิง

Snapdragon 6 series เป็นซีรีส์ที่ถูกวางไว้ในกลุ่มการใช้งานทั่วไป ซึ่งเร็วแบบตอบโจทย์การใช้งานทั้งหมด และครอบคลุมถึงการเล่นเกมในระดับเพื่อความบันเทิง หรือเล่นฆ่าเวลาได้ ผมทดสอบกับเกม Survival Heroes กับกราฟิกระดับกลาง ก็ทำเฟรมเรทได้ค่อนข้างดีครับ ดังนั้นถ้าจะเอาไปเล่นเกมในกระแสอย่าง RoV, Free Fire, PUBG ก็ไม่มีปัญหา หรือถ้าอยากเล่นของแรงอย่าง Genshin Impact ก็ทำได้ในกราฟิกระดับเริ่มต้น ถ้าเทียบกับราคาแล้วจัดว่าคุ้มค่ามากครับ

ดีไซน์ตามยุคสมัย

HONOR X7 เลือกใช้ดีไซน์หน้าจอแบบหยดน้ำพร้อมกับตัวเครื่องที่มีการโค้งรับอุ้งมือ ส่วน HONOR X8 เลือกใช้ดีไซน์หน้าจอแบบ Punch Hole รวมถึงตัวเครื่องที่เน้นการตัดฉากมากกว่า ซึ่งเป็นดีไซน์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ความนิยมในแต่ละช่วงราคา

การจัดวางปุ่มทุกอย่างอยู่ด้านขวา เหมาะกับการวางตั้งกับพื้นเพื่อถ่ายรูป และปุ่ม Power ก็ทำหน้าที่สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกด้วย และก็รองรับการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกเช่นกัน ส่วนด้านล่างก็มีช่องเสียบหูฟังให้ใช้งานได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้หัวแปลง

วัสดุและงานประกอบก็ไม่มีจุดให้ติ จะมีจุดสังเกตก็เรื่องของการจัดวางกล้องหลังที่แตกต่างกัน ผมคงไม่ฟันธงส่วนนี้ว่าแบบไหนสวยกว่า เพราะมันเป็นเรื่องของความชอบของแต่ละคนเลยครับ ส่วนเคสที่ให้มาในกล่องค่อนข้างบาง เหมาะกับการป้องกันรอยขีดข่วน แต่ไม่เหมาะกับการป้องกันการตกกระแทก ซึ่งผมชอบเคสแบบนี้เพราะมันทำให้รู้สึกแพงและไม่เทอะทะครับ

กล้องดีสมชื่อ HONOR

HONOR เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อด้านกล้องมานานหลายปี และสองรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าทำได้ดีมาก ถ่ายได้สวยแบบที่ใครก็ถ่ายได้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก ในภาพรวมแล้วทั้งคู่สามารถถ่ายภาพในชีวิตประจำวันได้ดีเลยครับ แต่ถ้าต้องการจะถ่ายให้ Art เล่นแสงเงาอะไรทำนองนั้น ก็ต้องใช้ให้คุ้นมือหน่อย

โทนภาพของ HONOR X8 จากเฟิร์มแวร์ที่ใช้ในวันรีวิว สีค่อนข้างเข้มเมื่อถ่ายกลางแจ้งที่ต้องสู้กับแสง แต่ถ้าเป็นการถ่ายในสภาพแสงที่ไม่จัดจ้าเกินไป ส่วน HONOR X7 โดยรวมก็ตอบโจทย์การใช้งานประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายอาหาร สิ่งของ สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ก็เอาง่ายๆ ว่าใช้งานประจำวันและอัพโซเชียลได้สบายๆ เลย

บทสรุป HONOR X7 และ HONOR X8

หลังจากเปิดราคาอย่างเป็นทางการ ก็มีเสียงแฟนๆ ส่วนหนึ่งบอกว่าราคาสูงเกินไป แต่ผมมองว่าราคาเหมาะสมแล้วครับ เพราะเราต้องพิจารณาจากสิ่งแวดล้อมในปี 2022 ด้วย ทั้งเรื่องชิปเซ็ตที่ขาดตลาดจนทำให้ราคาสูงขึ้นทุกค่าย รวมถึงค่าเงินและการขนส่งต่างๆ ที่ทำได้ยากขึ้นด้วย แต่ HONOR X7 และ HONOR X8 กลับทำราคาออกมาได้ในระดับที่จับต้องได้ง่าย จึงนับว่าเป็นอีกรุ่นที่ครบเครื่องในราคาที่เหมาะสม ตอบโจทย์การใช้งานของคนส่วนใหญ่ มี GMS ให้ใช้งานได้ครบถ้วน โดยพกความสามารถด้านกล้องมาเต็มเปี่ยม พร้อมกับแบตเตอรี่ที่อึดสุดๆ เรียกได้ว่าครบถ้วนในช่วงราคาครับ