ไม่กี่วันก่อนผมได้เดินทางไปดูไปเพื่อร่วมงานเปิดตัว POCO F6 series เลยทำให้ผมอินกับการเปิดตัวรุ่นนี้เป็นพิเศษ โดย POCO F6 series เริ่มต้นที่ราคา 11,990 บาท พร้อมกับความแรงเต็มหลอดตามสไตล์ POCO ที่เจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่
ผมได้ตามอ่านความเห็นหลังงานเปิดตัว และพบว่าคนกลุ่มหนึ่งรู้สึกว่า POCO ทำได้คุ้มมาก ซึ่งส่วนทางกับค่ายอื่นๆ ที่ช่วงราคาราวนี้จะจัดหนักไม่เท่า POCO ซึ่งข้อนี้ก็เป็นไปตามเจตนาของแบรนด์เลย
หากมองที่ segment ตลาดมือถือปัจจุบันจะพบว่าช่วงราคาราว 11,000 – 22,000 บาท จะจัดอยู่ในกลุ่มกึ่งเรือธง แต่ในช่วงราคาเดียวกัน POCO จัดสเปคและการออกแบบให้เต็มที่สไตล์เรือธง
แม้ว่าที่จริงแล้ว POCO จะออกแบบให้คุ้มค่ารอบด้าน แต่ก็ต้องยอมรับว่าจุดแข็งคือเรื่องของความแรง ซึ่ง POCO ก็ใส่ใจรายละเอียดส่วนนี้แบบเจาะลึกลงไปอีก โดยโฟกัสที่ 3 ส่วน คือ
- ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์
- การปรับแต่งซอฟต์แวร์
- การจัดการความร้อน
จากการทดสอบของ POCO ให้ข้อมูลว่าเมื่อเล่นเกมต่อเนื่องนานๆ พบว่า POCO F6 เล่นได้ลื่นไหลและมีภาพที่คมชัดกว่าคู่แข่ง
จุดเด่นในแง่สเปคคือใช้ Snapdragon 8s Gen 3 ซึ่งมีความเก่งด้าน AI ขึ้นไปอีกเหมาะกับยุคสมัย แรมและพื้นที่มีให้เลือก 2 แบบคือ
- แรม 8 GB พื้นที่ 256 GB
- แรม 12 GB พื้นที่ 512 GB
ขับเคลื่อนโดย Xiaomi HyperOS ที่มีระบบจำลองแรมเพิ่มอีกสูงสุด 8 GB ซึ่งตามทฤษฎีแล้วจะทำให้เครื่องเปิดแอปพร้อมกันได้เยอะขึ้น โดยไม่โดนระบบปิดทิ้งไป และไม่ทำให้เครื่องช้าลง
ระบบจำลองแรมเพิ่มในมือถือยุคนี้ ตามทฤษฎีแล้วไม่ทำให้เครื่องช้าลง หรือช้าลงเพียงนิดเดียวแบบคนส่วนใหญ่ไม่รู้สึก และจะทำให้เปิดแอปได้มากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติพบว่ามือถือบางรุ่นกลับช้าลงจนทำให้คนพากันปิดระบบนี้ ถ้าอธิบายอย่างง่ายก็คือค่ายนั้นทำ software ไม่ดีครับ
แม้ว่ามือถือแทบทุกรุ่นในยุคนี้จะโม้เรื่องระบบระบายความร้อน แต่มันก็มีจุดต่างที่ทำให้รุ่นนี้เก่งโดย LiquidCool Technology 4.0 พร้อมระบบ IceLoop ทำให้เครื่องเย็นกว่า และยังระบายความร้อนได้ไม่ว่าเราจะนั่งจะนอนเล่นท่าไหนก็ตาม
สิ่งที่นำเสนอได้ชัดว่านี่คือมือถือที่ออกแบบเพื่อคนรุ่นใหม่ คือการให้พื้นที่มาเยอะๆ เพื่อให้เก็บ meme ซึ่งต่างจากยุคสมัยก่อนที่เน้นเก็บรูปและไฟล์เพลง แต่เด็กยุคนี้ชื่นชอบมากกับการเล่นมีม ซึ่งถ้าเป็นรุ่น POCO F6 Pro มีขายรุ่น 1TB ด้วย แต่ขายเฉพาะบนหน้าเว็บ MI เท่านั้น
นอกจากจะให้ชิปตัวแรงแล้ว ยังให้หน้าจอ 6.67 นิ้ว CrystalRes Flow AMOLED ที่ออกแดดสู้แสงได้ดี พร้อมกับความทนทานจาก Corning Gorilla Victus และระบบชาร์จเร็ว 90W กับแบตเตอรี่ 5,000mAh ด้วย แต่บางคนก็ขัดใจที่กล้องไม่มี tele โดยใส่เลนส์มุมกว้างมาให้ ซึ่งเหตุผลเบื้องหลังมาจากผลสำรวจของลูกค้าในกลุ่มราคา พบว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ tele ไม่ต้องการการซูมไกล แต่ใช้ถ่ายอะไรใกล้ๆ มากกว่า
ความน่าสนใจอีกจุดที่ถูกหยิบมานำเสนอในรุ่นนี้คือระบบ hibernate ที่ผมขอเรียกว่าโหมด “กันตาย” เวลาที่เราต้องเดินทางหรือหลงและต้องยืดอายุแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด โดยแบตเตอรี่ 1% สามารถอยู่ได้นานถึง 2.5 ชั่วโมง และโทรได้นานถึง 33 นาที
กล้องแบบ AON ที่ควบรวมฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
- POCO AI ควบคุมด้วยท่าทางแบบไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ เหมาะกับเวลาที่มือเปื้อน เช่นการทำอาหาร
- ระบบล็อกอัตโนมัติเมื่อเราไม่อยู่หน้าจอ
- AOD จะเปิดใช้งานเมื่อเราต้องการ ไม่ได้เปิดตลอดเวลา
- หมุนหน้าจอได้ฉลาด อิงตามท่าทางการเล่นของเรา
ผมขอข้ามเรื่องสเปคกล้องไปเล่าประสบการณ์ใช้งานจริงเลยละกัน เรื่องของคุณภาพเนื้อไฟล์จัดว่าดีเลยถ้าเทียบกับราคา ทำได้น้องๆ เรือธงปีก่อนๆ เลยก็ว่าได้ อย่างการถ่ายป้ายไฟก็จัดการแสงได้ดี ไม่ฟุ้ง ไม่เพี้ยน การถ่ายอาหารก็ออกมาน่ากิน มิติภาพออกมาดีไม่แบน การถ่ายวิวไปเรื่อยจัดการเก็บแสงและท้องฟ้าได้ดี ภาพออกแนวดูสบายตา ไม่คมบาด ไม่สว่างจ้า
การเซลฟี่ถ้าตั้งเป็น Portrait นี่คือละลายฉายหลังทิ้งไปเยอะมาก ถ้าต้องการเก็บบรรยากาศด้านหลังแนะนำว่าถ่ายโหมดปรกติจะดีกว่าครับ เรื่องของสีผิวและความเนียน ผมมองว่ากำลังดี ไม่บิ้วตี้จนหลอกแต่ก็ไม่ดิบจนหลอน
งานวีดีโอผมมองว่าทำได้เกินคาดสำหรับมือถือแบรนด์จีนในราคาราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีสัน ความละเอียด และระบบกันสั่น
ส่วนของ Editor มีการยัด AI เพิ่มมาให้เรื่อยๆ จากเดิมที่เปลี่ยนท้องฟ้าได้ดั่งใจ แม้ในวันที่ไม่เป็นใจ ฟ้าไม่ใสก็ใช้ AI เปลี่ยนท้องฟ้าได้ ตอนนี้ก็เพิ่มความสามารถในการขยายรูปภาพพร้อมกับใช้ AI ถมส่วนต่างได้ รวมถึงมี AI สำหรับลบวัตถุที่ไม่ต้องการด้วย
และสิ่งที่ผมรักมากคือเครือนี้เค้ามีระบบโคลนแอปที่เทพสุดแล้ว เหมาะมากกับคนที่ต้องการ 1 เครื่องแต่หลาย account ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีหลายร้านหลายไอดี หรือคนทำงานที่ต้องการแอปแชท 2 ไอดี หรือแม้กระทั่งเกม
เรื่องความแรง ผมไม่ใช่คนเล่นเกมมือถือเลยตอบแบบลึกๆ ไม่ได้ แต่ด้วยสเปคขนาดนี้มันควรจะลื่นมากๆ ละครับ ซึ่งการใช้งานประจำวันเนี่ย จัดว่าแรงลื่นเหลือล้น จุดเด่นอื่นๆ ก็มีให้ทั้ง IR ไว้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งผมอุ่นใจมากเวลามือถือมี IR และยังทนทานระดับ IP64
บทสรุป POCO F6
แม้ว่าผมจะเป็นพวกใส่สุดอยากใช้ POCO F6 Pro ที่เด่นกว่าโดยเฉพาะหน้าจอและกล้อง แต่ทางแบรนด์ให้ POCO F6 มาลองใช้งาน จากสเปคผมไม่กังวลอะไรเลย แต่ผมห่วงเรื่องกล้องมากกว่าเพราะเคยชินกับกล้องระดับเรือธง แต่จากการใช้งานจริงผมโอเคกับมันมากๆ
ในยุคที่มือถือเรือธงไปไกลกัน 4-5 หมื่นหรือมากกว่านั้น บวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ผมคิดว่า POCO F6 ในช่วงราคาหมื่นนิดๆ ทำได้น่าสนใจมาก ตอบโจทย์การใช้งานทุกด้านตั้งแต่การเล่นเกม หน้าจอใหญ่ แบตเยอะ ชาร์จไว กล้องดี ส่วนเรื่องที่คนกลัวเครือนี้เพราะยัดโฆษณาในเครื่องเยอะ ผมคิดว่าช่วงหลังตั้งแต่เป็น HyperOS เค้าก็เพลามือลงแล้วครับ ไม่หนักข้อเท่าแต่ก่อนแล้ว อยู่ในเกณฑ์ที่ผมโอเคกับมัน
