รีวิว Brother HL-3170CDW ปริ้นเตอร์ที่เหมาะกับคนทำงานยุคนี้

แม้ว่าการทำงานในยุคนี้เริ่มเข้าสู่ Paperless แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอกสารยังจำเป็นต่อธุรกิจหลายประเภท นั่นคือสาเหตุที่ผมได้นำ Brother HL-3170CDW เข้ามาไว้ในห้องทำงานเล็กๆ ของผม ตามเทรนของยุคนี้ที่ผู้คนหันมาเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ หรือรับงานฟรีแลนซ์เพิ่มช่องทางการหารายได้

สิ่งที่จุดประกายความคิดที่จะหาปริ้นเตอร์มาใช้งานก็คือ การติดต่อประสานงานโดยเฉพาะเอกสารทางการเงินในบ้านเรายังนิยมแบบ Hard Copy ที่เป็นกระดาษจับต้องได้ แต่ผมเองที่ห่างเหินจากการใช้ปริ้นเตอร์อย่างจริงจังมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ก็ยังคงโดนประสบการณ์ในอดีตตามหลอกหลอน โดยเฉพาะปัญหาหมึกตันเมื่อไม่ได้ใช้สักพัก

พอเข้า Google จัดแจงหาข้อมูลก็มีหลายคนแนะนำว่าให้ใช้ของ Brother เพราะมีระบบดูแลช่วยให้หมึกไม่ตันแม้จะเป็นแบบ Inkjet ก็ตาม จากนั้นก็ดำเนินการติดต่อเจ้าหน้าที่พร้อมกับเน้นย้ำว่าผมกลัวเรื่องหมึกตันมากๆ เพราะผมไม่ค่อยได้ใช้ ทางเจ้าหน้าที่ก็แนะนำมาหลายๆ รุ่นโดยเน้นที่แบบ Laser เพื่อให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน

สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกรุ่น Brother HL-3170CDW ด้วยเหตุผลที่ว่ามีคุณสมบัติพื้นฐานที่น่าสนใจได้แก่ ความเร็วในการพิมพ์ 22 แผ่นต่อนาทีซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับเครื่องก่อนๆ ของผมที่เป็นแบบ Inkjet ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 10 แผ่นต่อนาทีเท่านั้น และยังให้ความละเอียดที่ 2,400×600 DPI พร้อมกับรองรับการพิมพ์ 2 ด้านอัตโนมัติ และหน่วยความจำ 128 MB ช่วยให้การ Buffer ต่อคิวการพิมพ์ทำได้ดีขึ้น

รีวิว Brother HL-3170CDW ปริ้นเตอร์ที่เหมาะกับคนทำงานยุคนี้ 3

และคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้สำหรับ Tech Blogger อย่างผมก็คือการเชื่อมต่อผ่าน Network ที่รองรับทั้ง USB, LAN, Wi-Fi หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมแม้กระทั่ง Wi-Fi Direct นอกจากนี้ยังได้รางวัล Good Design Award 2013 อีกด้วย สนนราคา ณ วันที่จัดหามาใช้อยู่ที่ 11,990 บาท

รีวิว Brother HL-3170CDW ปริ้นเตอร์ที่เหมาะกับคนทำงานยุคนี้ 5

ในการใช้งานครั้งแรกไม่มีอะไรยาก เพียงแค่ทำตามคู่มือและคำแนะนำต่างๆ ที่แปะอยู่รอบตัวเครื่อง และเมื่อเริ่มกดปุ่ม Power เปิดเครื่องใช้งานก็จะพบเมนูภาษาอังกฤษที่เลือกเปลี่ยนภาษาได้ …แต่เท่าที่งมยังไม่เจอภาษาไทยครับ

การออกแบบแผงควบคุมบนตัวเครื่อง ดูเหมือนว่าไม่ต้องการให้เราเปิด-ปิดบ่อยๆ เพราะปุ่ม Power ค่อนข้างลึก แต่ทดแทนด้วย Sleep mode ที่สามารถตั้งเวลาได้ ซึ่งมันเหมาะมากกับการสั่งปริ้นจากนอกสถานที่ผ่าน Google Cloud Print และการที่ถาดใส่กระดาษรองรับ 250 แผ่นก็เสมือนการ Stand by พร้อมรอรับคำสั่งตลอดเวลาจากที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ ช่วยให้การทำงานเป็นแบบ Instant คิดแล้วทำได้ทันทีไม่ต้องจดใส่ To Do แล้วมารอจิ้มปริ้นที่หน้าเครื่อง

รีวิว Brother HL-3170CDW ปริ้นเตอร์ที่เหมาะกับคนทำงานยุคนี้ 7

เมนูมีการจัดวางที่ใช้งานค่อนข้างง่าย ยกเว้นการ Input ป้อนค่าที่ค่อนข้างยากเพราะไม่มีแป้นพิมพ์ Keyboard QWERTY หมายความว่าเราต้องใช้ Arrow Key ในการเลื่อนเปลี่ยนอักษรทีละตัวในแต่ละตำแหน่ง …แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นเพราะมีแค่ส่วนของการกรอกรหัส Wi-Fi เท่านั้นที่ต้องใช้การป้อนค่าตัวอักษร และเราก็ไม่จำเป็นต้องกรอกสดแบบนั้น เพราะรุ่นนี้รองรับ WPS ที่ช่วยให้เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว แต่ปัญหาเล็กๆ ก็คือมันไม่รองรับ Wi-Fi 5G ดังนั้นต้องต่อผ่าน 2.4G เท่านั้น

รีวิว Brother HL-3170CDW ปริ้นเตอร์ที่เหมาะกับคนทำงานยุคนี้ 9

การเชื่อมต่อทำได้ทั้งหมด 3 แบบคือต่อ USB ตรงเข้ากับ PC ที่รองรับทั้ง Windows, macOS, Linux หรือจะต่อแบบ LAN ที่เสียบเข้ากับ Router เลยก็ได้ และแบบสุดท้ายคือต่อแบบไร้สายผ่าน Wi-Fi ส่วนการใช้งานบนมือถือ iOS และ Android ที่ง่ายสุดคือการโหลดแอพ Brother iPrint&Scan มาใช้งาน แต่ถ้าใครที่เป็น Power User คล่องมือหน่อยก็สามารถตั้งค่าเป็น Apple AirPrint หรือ Google Cloud Print ก็ได้เช่นกัน

รีวิว Brother HL-3170CDW ปริ้นเตอร์ที่เหมาะกับคนทำงานยุคนี้ 11

ด้านคุณภาพของการปริ้นที่ได้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แถมยังทำงานได้รวดเร็วอีกด้วย ส่วนการบำรุงรักษาอย่างโทนเนอร์หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เติมหมึก” ก็แบ่งได้ 3 แบบดังนี้

  • TN-261 BK (สีดำ) ราคา 2,390 บาท ปริ้นได้ 2,500 แผ่น
  • TN-261 C/M/Y (สีฟ้า, ชมพู, เหลือง) ราคาสีละ 2,090 บาท เป็นแบบ Standard ปริ้นได้ 1,400 แผ่น
  • TN-265 C/M/Y (สีฟ้า, ชมพู, เหลือง) ราคาสีละ 3,090 บาท เป็นแบบ High Yield ปริ้นได้ 2,200 แผ่น

คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยว่า Inkjet กับ Laser ต่างกันยังไงและอะไรเหมาะกับเรา? ผมขอสรุปในภาพรวมอย่างง่ายดังนี้

  • Inkjet ราคาเริ่มต้นค่อนข้างถูก เหมาะจะทำมาปริ้นรูปภาพมากกว่า แต่มีปัญหาหมึกตัน เลอะเทอะ และปริ้นช้า
  • Laser ราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง นิยมเอามาใช้ปริ้นเอกสารที่เน้นตัวอักษร ไม่มีปัญหาหมึกตัน และปริ้นเร็ว

อย่างไรก็ตาม Brother Inkjet ก็มีความพิเศษตรงที่ถ้าเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา ตัวเครื่องจะทำการดูแลไม่ให้หมึกตัน ซึ่งผู้ใช้งานจริงหลายคนก็บอกว่าหมึกไม่ตันแม้ไม่ได้พิมพ์หลายเดือน ดังนั้นถ้ามองว่า Brother Laser Printer มีราคาสูงเกินไป ก็ลองดูแบบ Inkjet ที่มีติด Tank มาจากโรงงาน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า และยังมาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นไม่แพ้กัน เพียงแต่จะปริ้นได้ช้ากว่าเท่านั้นเอง