เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก?

ครั้งหนึ่ง iPhone เคยเป็นผู้นำด้านกล้องบนมือถือ แต่คู่แข่งแต่ละรายก็พัฒนาตัวเองจนบางรุ่นได้รับการยอมรับว่ากล้องดีแซงหน้า iPhone ไปแล้ว แต่สงสัยกันไหมครับว่าถ้าแบบนั้นทำไม iPhone ยังเป็นตัวเลือกอันดับแรกของมืออาชีพ? บางคนก็บอกว่าระบบดีกว่าไง! …ถ้าบอกแบบกระชับมันก็ใช่ จบเลยไม่ต้องเล่ากันต่อละ …แต่มันดีกว่ายังไงนี่คือสิ่งที่เราจะขยี้กันต่อในบทความนี้

Highlight

มืออาชีพเลือกใช้มือถือในการถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอมากขึ้น เพราะต้นทุนที่ต่ำกว่าทั้งค่าอุปกรณ์และค่าทีมงาน การเคลื่อนย้ายติดตั้งก็ง่ายกว่า และที่เลือก iPhone มากกว่าเพราะมีแอพสำหรับใช้งานจริงจังระดับมืออาชีพ แต่ฝั่ง Android ไม่มี รวมถึงอุปกรณ์เสริมจำพวกเลนส์และไมค์ โดยมีตัวอย่างผลงานจากระดับสากลเช่น สารคดีช่อง National Geographic หรือผู้กำกับชื่อดังก็เคย iPhone ถ่ายงานมาแล้ว

เหตุผลที่มืออาชีพใช้มือถือถ่ายงาน

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมมืออาชีพถึงเลือกใช้มือถือในการถ่ายงานมากขึ้น นั่นเพราะบางครั้งการแบกกล้องตัวใหญ่ๆ ก็ไม่สะดวก รวมถึงมือถือยุคนี้สามารถถ่ายวีดีโอได้ถึง 4K ซึ่งสูงกว่ากล้องตัวใหญ่หลายๆ รุ่น รวมถึงภาพนิ่งที่มี Software มาช่วยปรับแต่งในตัว และยังช่วยให้ประหยัดต้นทุนค่าอุปกรณ์ต่างๆ ลงไปได้ เมื่อเทียบกับการใช้กล้องตัวใหญ่ๆ นั่นทำให้ประหยัดค่าทีมงานลงไปด้วย รวมถึงความคล่องตัวของการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง เมื่อมองที่การ trade-off แล้วทำให้การเลือกใช้ Smartphone ในการสร้างสรรค์บางชิ้นงานเป็นเรื่องสะดวกกว่า

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสะดวกที่ถ่ายเสร็จตัดต่อและอัพโหลดได้ทันที ไม่ต้องแบกโน๊ตบุ๊คไว้ถ่ายโอนไฟล์อีก ประกอบกับทุกคนมี Smartphone ติดตัวอยู่แล้ว ทำให้ Smartphone จึงเป็นตัวเลือกที่มืออาชีพนิยมมากขึ้น ทีนี้เรามาดูกันว่าทำไม iPhone ถึงเป็นตัวเลือกแรกที่มืออาชีพมักนึกถึง

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 3

จำนวนรุ่นน้อยกว่า

ข้อนี้เป็นจุดเริ่มต้นของคำตอบทั้งหมด เพราะการที่ iPhone ออกรุ่นใหม่ต่อปีไม่เกิน 2 รุ่นแต่ Android มีเกือบ 100 รุ่น ทำให้นักพัฒนาไม่สามารถโฟกัสเนื้องานได้ดีเท่ากับการผลิตของเพื่อ iPhone ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Software หรือ Hardware

แล้วผู้ผลิตฝั่ง Android มักจะปรับแต่งจนมันมีความแปลก ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือหลายรุ่นไม่รองรับการต่อไมค์ภายนอก …แค่นี้ก็จบข่าวละครับ การบันทึกเสียงออกมาแย่ก็ทำงานยากแล้ว การเลือกใช้ Android เหมือนการวัดดวงว่ารุ่นไหนรองรับไมค์บ้าง และบางทีมันก็เลือกแอพด้วยเช่น แอพกล้องไม่รองรับไมค์แต่การทำ Facebook Live ต่อไมค์ได้

ผมเคยไปช่วยขายไมค์แบรนด์นึงแล้วปวดหัวมากๆ เพราะลูกค้าบ่นเป็นระยะว่าเอาไปใช้กับ Android แล้วมีปัญหา แต่ใช้กับ iPhone ไม่มีปัญหาเลย

ระบบเสถียรกว่า

แม้ว่าผลสำรวจหรือสถิติช่วงหลังจะเริ่มออกมาว่า Android เสถียรกว่า iOS แต่เอาเข้าจริงหลายคนก็ยังไว้ใจ iPhone มากกว่าอยู่ดี ซึ่งความไว้ใจได้มันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับมืออาชีพ เพราะไม่มีเวลาให้แก้ตัวในช่วงเวลาสำคัญ จะมาค้างมาเอ๋อตอนอยู่หน้างานมันไม่ได้!

ปัญหานึงที่คนใช้งานจริงจังพบจาก Android หลายรุ่นคือการบันทึกคลิปวีดีโอมีอาการกระตุก! คือมันไม่ได้เป็นทุกรุ่น และไม่ได้เป็นทุกครั้ง แต่มันมีให้เห็นเป็นระยะ แม้แต่ Nexus ที่เป็น Pure Android ก็พบอาการนี้

เรื่องนี้ผมเคยปรึกษากับพี่ออม GadzBox เนื่องจากเป็นบุคคลที่จัดว่าเป็น Geek อันดับต้นๆ ของวงการและเล่นมาหลายรุ่น พี่เค้าให้ความเห็นว่าตัว Android เองจัดการทรัพยากรได้ไม่ดีพอ ถ้าลองเปิด Airplane Mode จะพบว่าปัญหาการกระตุกน้อยลง

แอพดีกว่า

เรื่องนึงที่ Android ยังตามหลัง iOS ก็คือแอพดีๆ มีคุณภาพมักอยู่บน iOS มากกว่า ซึ่งต้นเหตุก็มาจากเรื่องจำนวนรุ่นหรือ Fragmentation ที่ต่ำกว่านั่นล่ะครับ แล้วแอพที่ว่ามีอะไรบ้าง? …ผมจะยกตัวอย่างให้ดูครับ

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 5

ในขณะที่ iOS มาพร้อมกับแอพตัดต่อที่เอาอยู่กับงานทั่วไปอย่าง iMovie ซึ่งดีและฟรีแต่ฝั่ง Android กลับไม่มีมาให้ และถ้าลองหาแอพตัดต่อบน Android จะพบว่าส่วนใหญ่ออกแบบมาสำหรับงานแบบทำเอาสนุก แต่หาแบบสไตล์มืออาชีพแทบไม่มี จะมีใกล้เคียงหน่อยก็ KineMaster ซึ่งต้องจ่ายค่าบริการปีละพันกว่าบาท หรือไม่ก็ PowerDirector ที่ให้โหลดฟรี แต่ถ้าอยากใช้งานเต็มที่ก็ต้องจ่ายเงิน และเท่าที่เคยลองแอพอื่นๆ หลายๆ ตัวก็ไม่ค่อยเสถียรด้วย ตัดต่อบางทีก็ค้างไปดื้อๆ ทำให้บางแอพเลยเพิ่ม Feature การเก็บ Project เผื่อในกรณีที่แอพมีปัญหาและปิดตัวเอง

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 7

กลับมาดูที่ฝั่ง iOS กันต่อ ถ้ารู้สึกว่า iMovie ไม่ตอบโจทย์ก็ยังมี Pinnacle Studio ซึ่งจัดว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมี Cute Cut Pro ที่น่าใช้และมีทั้ง 2 Platform แต่ UI ยังไม่ดีเท่าตัวข้างต้น และที่สำคัญก็คือ iOS ตัดต่อ 4K ได้แต่ Android ทำไม่ได้

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 9

และไม่ใช่แค่แอพสำหรับตัดต่อ เพราะมันเกี่ยวโยงไปถึงแอพสำหรับถ่ายทำด้วย ซึ่งแอพยอดนิยมสำหรับมืออาชีพตัวนึงคือ FiLMiC Pro ที่สามารถควบคุมการถ่ายวีดีโอได้ค่อนข้างเยอะ สามารถตั้งค่าสีเป็น LOG Mode ที่เหมาะสำหรับมืออาชีพได้ด้วย และยังรองรับการใช้กับเลนส์ของ moondoglabs ซึ่งเดี๋ยวจะบอกอีกทีว่ามันดียังไง และยังรองรับอุปกรณ์เสริมดังๆ ตัวอื่นเช่น iBlazr, DJI OSMO Mobile
นอกจากนี้ยังมีอีกตัวที่ครบเครื่องคือ Filmakr ที่ทางบริษัทเคยติดต่อให้ผมรีวิวเนื่องจากเค้าเป็นเพื่อนกับบริษัท Beastgrip และเค้าเห็นว่าผมเป็นคนเดียวในไทยที่รีวิว Beastgrip Pro

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 11

ซึ่งคุณสมบัติเด่นๆ ก็อย่างเช่นการควบคุมความแรงของแสงแฟลช การเลือกจุดโฟกัสได้หลายจุด มีประโยชน์เวลาที่ถ่ายวีดีโอและต้องการสลับจุดโฟกัสไปมา ซึ่งการตั้งค่าจุดโฟกัสไว้ล่วงหน้าจะทำให้การถ่ายทำง่ายขึ้น และยังสามารถถ่าย Manual VDO แบบที่ปรับค่า EV, White Balance จัดการเสียง Audio พร้อมกับเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการถ่ายทำอื่นๆ อีก นอกจากนี้จุดเด่นของ Apple คือระบบ Sync ดีกว่าคู่แข่ง ทำให้สามารถโยนไฟล์ไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้ง่าย เช่น ถ่ายด้วย iPhone ตัดต่อบน iPad หรือ MacBook Pro

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 13

และยังไม่หมดแค่นั้นครับ เพราะถ้ามองแอพในแง่ของการทำ Live ก็ยังต้องยกให้ฝั่ง iOS อีกเหมือนเดิม เพราะมีแอพสำหรับจัดการ Live ดีๆ ไม่ว่าจะเป็น Live:Air หรือ Switcher ที่สามารถถ่ายจบในเครื่องเดียว หรือจะใช้เครื่องนึงเป็นเหมือนห้องส่ง และใช้ iPhone เครื่องอื่นๆ เหมือนเป็นกล้องแต่ละมุมก็ยังได้ ซึ่งมันสะดวกและลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ เนื่องจากการ Live แบบนี้ถ้าจะจัดเต็มแบบงบไม่อั้นก็ต้องมีกล้องใหญ่ๆ เช่น DSLR แล้วซื้อตัวแปลงอีกทั้งชุดก็เป็นแสน ดังนั้นการใช้ Solution นี้ก็เป็นการลดต้นทุนและลดขั้นตอนการติดตั้งด้วย

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 15

นี่ยังไม่นับแอพที่ต้องรันบน PC แล้วเชื่อมต่อกับมือถืออย่างเช่น BeLive ซึ่งแม้จะมีบน iOS และ Android แต่การใช้จริงก็พบว่าบน Android ไม่เสถียรเท่า iOS นั่นล่ะ นอกจากนี้แอพที่ผู้ผลิต Hardware จำพวกอุปกรณ์เสริมอย่างเช่น Gimbal ก็มักทำแอพบน iOS ดีกว่า Android ทำให้ภาพรวมแล้วการถ่ายงานอย่างจริงจังบน iPhone ทำได้สะดวกกว่า Android ทั้งหมด

อุปกรณ์เสริมดีกว่า

คำว่าอุปกรณ์เสริมนี้มันกว้างมากมาย แต่ถ้าจะตบเข้ามาให้แคบลงสำหรับการถ่ายงานก็จะเป็นพวก ไม้กันสั่น, เลนส์, ไมค์ ฯลฯ และสิ่งที่เห็นความต่างชัดเจนแบบ First Impression ก็คือเรื่องของเลนส์

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 17

Ztylus จัดเป็นเลนส์สำหรับมือถือที่มีชื่อเสียงระดับโลกตัวนึง และคนไทยมักคุ้นกันเจ้านี้ทีสุดเนื่องจากมีขายเยอะในบ้านเรา และ Ztylus ก็ทำเลนส์ออกมารองรับ iPhone ทุกรุ่น แต่ทำให้กับ Android แค่บางรุ่นเช่น Galaxy S7 ซึ่ง Ztylus จัดอยู่ในกลุ่มของเลนส์คุ้มค่าราคาประหยัดเนื่องจากจัดมาครบทั้ง Wide, Tele, Macro, Fisheye และที่เด่นกว่าเจ้าอื่นๆ คือมี CPL มาให้ด้วย …ข้อดีอีกอย่างก็คือรายนี้แจกส่วนลดบ่อย

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 19

แม้ว่า Ztylus จะไว้ใจได้มากกว่าเลนส์ที่วางขายทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับแบรนด์ระดับโลกก็ถือว่ายังเป็นรองอยู่พอควร ซึ่งตัวที่มีความน่าสนใจขึ้นมาอีกก็คือ olloClip ที่ให้ภาพคมชัดและใสกว่า และก็มีเลนส์ครอบคลุมไม่ต่างจากเจ้าอื่น แต่จะมีตัวที่เด่นคือ Ultra Wide ที่กว้างมาก และยังเป็นรายเดียวในกลุ่มหัวแถวที่สามารถใช้กับกล้องหน้าได้ด้วย …และแน่นอนว่าเค้าทำให้แต่ iPhone

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 21

ถัดมาก็เป็นของ moondoglabs ที่เกริ่นไว้ข้างต้น ตัวนี้มีจุดเด่นคือเป็นเลนส์แบบ 1.33X Anamorphic ที่นิยมใช้ถ่ายหนัง Cinema ที่ให้มุมกว้างกว่า ถ้านึกไม่ออกว่ากว้างยังไงก็ลองดูตัวอย่างคลิปนี้ครับ

และความสะดวกก็คือ ปรกติแล้วการถ่ายแบบนี้ต้องมาใช้ Software Process ทีหลังหรือที่เรียกว่า De-Squeeze ซึ่งแอพ FiLMiC Pro ก็รองรับด้วย และวิธีใช้ก็ง่ายมากแค่กดเมนูก็เรียบร้อยแล้ว …ซึ่งเลนส์นี้เค้าก็เน้นทำให้ iPhone เป็นหลักอีกนั่นล่ะ

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 23

ส่วนที่พึ่งจะประกาศศักดาให้โลกรู้จักตอนงานเปิดตัว Pixel 2 ก็คือ Moment เลนส์นี้จัดว่าคุณภาพดีมาก และทำออกมาให้ iPhone เป็นหลัก นอกจากคุณภาพที่จัดว่าดีเป็นอันดับต้นๆ แล้วยังมีจุดเด่นเรื่องของตัวเคสที่มีแบบ Battery Photo Case ให้เลือกด้วย

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 25

มันดีงามเพราะว่า Battery Photo Case สำหรับ iPhone มีปุ่มชัตเตอร์ให้ด้วย เมื่อบวกกับความหนาของแบตเตอรี่ก็ทำให้มันถือกระชับถ่ายสะดวกมากขึ้น และยังใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิมด้วย

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 27

ปิดท้ายด้วย ExoLens ที่มาจากค่ายดังอย่าง ZEISS ซึ่งเค้าว่ามันคือที่สุดของเลนส์สำหรับมือถือ และแน่นอนว่า ณ เวลานี้เค้าผลิตให้เฉพาะ iPhone เท่านั้น

มาต่อกันที่เรื่องของไมค์กันบ้าง อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า Android หลายรุ่นมีปัญหากับไมค์ แต่ฝั่ง iOS กลับมีตัวเลือกที่หลากหลายและดีกว่า ซึ่งรองรับแบบ Stereo ด้วย ในขณะที่ Android เกือบทุกรุ่นไม่รองรับการบันทึกเสียงแบบ Stereo ผ่านการต่อไมค์ ยกเว้น Sony Xperia ที่มีไมค์ STM10 แต่ก็กลายเป็นของ Rare Item เพราะเลิกผลิตไปแล้ว

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 29
เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 31
เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 33
เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 35
เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 37

ตัวอย่างเด่นๆ ก็เช่น Sennheiser MKE 2 digital, Shure MV88, RODE I-XY หรือที่ชื่ออาจไม่คุ้นหูคนทั่วไปเช่น Blue Mikey, Zoom IQ7 ที่ช่วยให้คุณภาพเสียงดีกว่าปรกติ

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 39

เมื่อดูความพร้อมด้าน Gimbal โดยเฉพาะรุ่นที่บุกเบิกตลาดสากลอย่าง DJI OSMO Mobile ก็จะพบว่ามันถูกจัดเซ็ตให้พร้อมใช้งานกับ iPhone ทั้งในแง่ของแอพและอุปกรณ์เสริมเช่น เหล็กถ่วงน้ำหนักให้สมดุลกรณีที่ต้องใส่เลนส์ของ moondoglabs ส่วน Zhiyun ที่นิยมในไทยรวมถึง Snoppa M1 ก็มีแอพฝั่ง iOS น่าสนใจและเสถียรกว่า Android

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 41

หรือถ้าคิดว่าที่กล่าวมายังไม่มืออาชีพพอก็มี Beastgrip Pro ที่แปลงร่างมือถือให้ต่อขยายได้ระดับน้องๆ กล้อง DSLR เลย ซึ่งที่จริงแล้ว Beastgrip Pro สามารถใช้ได้กับมือถือเกือบทุกรุ่น แต่ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้การใช้ร่วมกับ iPhone เป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่า ทั้งในแง่ของการถ่ายวีดีโอ หรือแม้แต่การไลฟ์ก็ตาม

ตัวอย่างผลงานจาก iPhone

ก่อนที่จะเข้าใจเจตนาของบทความนี้ผิดไป ขอย้ำก่อนว่าสิ่งที่ผมกำลังสื่อสารคือ iPhone ไม่ได้ทดแทนกล้องใหญ่ๆ แต่มันเป็นตัวเลือกแรกหากต้องใช้มือถือในการถ่ายงาน ซึ่งมันถูกเอาไปถ่าย Short Film, MV หรือแม้แต่สารคดี ตัวอย่างเช่นผู้กำกับชื่อดังอย่าง Zack Snyder เจ้าของผลงานที่คุ้นหูเช่น 300, Watchmen, Sucker Punch, Man of Steel ก็ถ่ายหนังสั้นเรื่อง Snow Steam Iron ด้วย iPhone ควบคู่กับ Beastgrip Pro, FiLMiC Pro, DJI Osmo Mobile, ExoLens by Zeiss

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 43

หรือแม้แต่ช่องสารคดีอย่าง National Geographic ก็มีผลงานที่ถ่ายด้วย iPhone เช่นกัน โดยใช้ร่วมกับ Beastgrip Pro และ FiLMiC Pro เจ้าประจำนั่นเอง

และ Stash Slionski ที่เป็นผู้กำกับสารคดีที่ว่า และเคยร่วมงานกับคนดังอย่าง Justin Timberlake ก็ยังมีผลงานถ่ายทำ MV ชื่อ No Love Like Yours ด้วย iPhone 6S+ บวกกับ Beastgrip DOF Adapter, mCam, Edelkrone Pocket Rig, Red Rock Micro lens support ซึ่งเค้าให้ความเห็นว่า

I think the iPhone 6S+ is a beautiful camera. It sounds strange to say that out loud , but it really is, and with the FiLMiC Pro app that lets you control your settings, it really transforms your phone into a working piece of equipment. In daylight, it’s amazing. It shoots in 4K and can hold its own with any rig out there. We are still exploring ways to make the ergonomics of the camera just right. It’s good right now and it’s going to keep getting better. The Beastgrip DOF Adapter allows us to put any lens we want on it.

หรือพูดง่ายๆ ก็คือ iPhone 6S+ มีกล้องที่สวยและถ่าย 4K ได้ พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ และแอพที่ช่วยให้การทำงานออกมาเป็นตามที่ต้องการนั่นล่ะ

ส่วนผลงานของ Boat Magazine เลือกใช้ iPhone กับ Beastgrip Pro และไมค์ของ RODE ซึ่งเค้าย้ำว่าถ่ายด้วย iPhone ทั้งคลิปนะเอ้อ

หรือถ้าจะย้อนไปเก่ากว่านั้นก็มีหนังเรื่อง Tangerine ที่ถ่ายด้วย iPhone 5s และได้รับเสียงตอบรับว่ามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าถ่ายด้วยมือถือ ซึ่งเจ้าตัวให้ความเห็นไว้ทำนองว่าการถ่ายด้วยมือถือนอกจากจะประหยัดต้นทุนค่าอุปกรณ์แล้ว ก็ประหยัดค่าทีมงานในการถ่ายทำด้วย และนักแสดงเองก็ไม่เกร็งเหมือนกับการอยู่ต่อหน้ากล้องใหญ่ และจากข้อมูลที่หามาได้เค้าใช้ iPhone 5s , Gimbal , Anamorphic adapter lens , FiLMiC Pro ครับ

ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นเป็นผลงานที่ถูกสร้างสรรค์และนำไปใช้จริง ซึ่งเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น และสิ่งที่จะเอามาให้ดูต่อจากนี้เป็นตัวอย่างการใช้งานที่โชว์ศักยภาพของ iPhone เมื่อจับคู่กับอุปกรณ์เสริมครับ …เริ่มด้วยการใช้ร่วมกับ Beastgrip DOF MK2 ที่ทำให้ภาพมีมิติละลายหลังได้เหมือนกล้องใหญ่ๆ

ตามด้วยตัวอย่างของการใช้ iPhone ร่วมกับเลนส์ของ Moment …ซึ่งตอนนี้นอกจาก iPhone ก็มี Pixel 2 นี่แหละที่มีโอกาสได้ใช้

ปิดท้ายด้วยภาพจากหน้าเว็บของแอพ Switcher ที่ใช้ไลฟ์ถ่ายทอดสดหรือจะถ่ายคลิปอย่างเดียวก็ได้ ซึ่งมีแนวร่วมชื่อดังอย่างเช่น BBC Sport, Honda, Nascar และอีกสารพัดที่เลือกใช้แอพ Switcher ซึ่งทำงานบน iPhone

เมื่อไอโฟนไม่ใช่ที่สุดของกล้องมือถือ แล้วทำไมมืออาชีพถึงเลือก? 45

ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า แม้ iPhone จะไม่ใช่ที่สุดของกล้องบนมือถือ แต่องค์ประกอบแวดล้อมยังคงดีกว่าคู่แข่ง จึงทำให้มืออาชีพเลือกใช้งานมากกว่านั่นเอง