Xperia Touch โปรเจ็คเตอร์แห่งอนาคตที่ไม่ได้เป็นแค่ Concept แต่มีตัวตนจริงพร้อมวางขาย ประหนึ่งถอดแบบมาจากความฝันเพราะมันคือนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนพื้นผิวเรียบทั้งหลายให้กลายเป็นจอสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นกำแพง โต๊ะ หรือแม้แต่พื้นถนนก็ตาม และนอกจากความว๊าวนี้ก็ยังมีเรื่องราวน่าสนใจอยู่พอตัว
ความจริงแล้ว Xperia Touch ก็คล้ายกับ Android Box นั่นล่ะเพราะมันขับเคลื่อนด้วย Android N เพียงแต่มันมีเซ็นเซอร์เยอะแบบจัดเต็มไล่เรียงกันก็ยาวเฟื้อยเริ่มจาก Mic, Accelerometer, e-Compass, GPS, Gyro, Ambient light, Barometer, Temperature, Humidity, Human detection และยังมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลกับหน่วยความจำภายใน 32 GB ที่รองรับ microSD สามารถฉายภาพได้ขนาด 23-80 นิ้ว
ประโยชน์ของมันก็สุดแท้จะจินตนาการเลย เพราะเท่าที่ได้ลองเล่นจากการไลฟ์สดผ่านเพจ Sony Store Thailand ก็พบว่ามันช่วยแก้ไขปัญหาหลายอย่างเช่น การใช้งานในรูปแบบที่เสี่ยงต่อความเลอะเทอะหรือเสียหาย ซึ่งการใช้หน้าจอสัมผัสอาจไม่เหมาะ หรือแม้แต่การจัดนิทรรศการและ Event ต่างๆ ที่ต้องเก็บของทุกวันก็ทำได้สะดวก ต่างจากวิธีเดิมๆ ที่ต้องลากสายจากเครื่องต้นทางไปยังหน้าจอ
ถ้าใช้ในเชิง Productivity ก็นึกภาพง่ายๆ อย่างข่าวพยากรณ์อากาศที่พิธีกรจะทำท่าแตะหน้าจอ หรือการ Present ขายงานก็ดูหล่อขึ้น พกพาง่ายด้วย แบตเตอรี่อยู่ได้ 1 ชั่วโมงมันก็เพียงพอต่อการนำเสนองานทั่วไปละ ไม่ต้องพกโน๊ตบุ๊ค ไม่ต้องวุ่นวายถามหาหน้าจอหรือหาสายต่อ HDMI แค่พก Xperia Touch ตัวเดียวจบ …ตัวเล็กๆ แต่ได้ภาพเทียบเท่าจอสัมผัส 80 นิ้ว
ใช้แบบสไตล์ Nanny พี่เลี้ยงเด็กก็ให้เด็กจิ้มๆ กดๆ ไปเหอะ ยังไงก็ไม่มีจอพัง ไม่ต้องกลัวเลอะเทอะด้วย …ใช้ในครัว จะเปิดสูตรอาหารก็ไม่ต้องกังวลว่านี่นั่นโน่นจะหกใส่จอ ประยุกต์ใช้ ฉายลงพื้นเป็นเกมแนว arcade ก็ยังได้
การที่เลือกใช้ระบบ Android ในการขับเคลื่อนก็ทำให้สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดหรือติดตั้งแอพได้หลากหลาย เช่นการเล่นเกมแบบ Multi-Player เนื่องจาก Xperia Touch รองรับการสัมผัสเพื่อสั่งงานถึง 10 จุด และการที่มีกล้องในตัวก็ทำให้สามารถใช้งาน VDO Call ได้ด้วย หรือถ้าจะวาดเขียนก็สามารถใช้ปากกาหรือวัตถุใดๆ ก็ได้ที่มีขนาดพอๆ กับนิ้วเรา
ส่วนเรื่องที่มักเป็นปัญหาของโปรเจ็คเตอร์ทั่วไปก็คือความร้อนจากหลอดภาพ ซึ่งต้องบอกว่าจากการทดสอบนานกว่า 1 ชั่วโมงในห้องแอร์ที่ Sony Store Siam Paragon ก็พบว่ามันไม่ได้ร้อนเหมือนรุ่นอื่นๆ และอายุการใช้งานของหลอดภาพยังยาวนานถึง 5 ปีสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้เปิดทั้งวัน สนนราคาอยู่ที่ 59,990 บาท
แต่ความว๊าวไม่ได้มีเพียงแค่นี้เพราะนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ Sony Smart IoT ที่ควงแขนพาเพื่อนมาอีก 2 อย่างคือ Xperia Agent และ Xperia Ear Open-style ซึ่ง 2 ตัวนี้ถูกห้อยท้ายว่ายังเป็น Concept แต่การนำมาโชว์บนหน้าเว็บหลักแบบนี้ ก็มีแนวโน้มว่าใกล้จะเป็นความจริงแล้ว
Xperia Agent ยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่ถูกนำเสนอในลักษณะคล้ายกับหุ่นยนต์ที่เน้นด้านการสื่อสารและสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้ แต่ส่วนที่น่าสนใจและดูเป็นชิ้นเป็นอันกว่าก็คือ Xperia Ear Open-style ซึ่งเป็นแนวคิดหูฟังที่ยังคงได้ยินเสียงจากภายนอกได้
ซึ่งความจริงแล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นผลพวงมาจากการที่ Sony จัดตั้งห้องทดลองแห่งอนาคตที่ชื่อ Future Lab ที่ทำหน้าที่สร้างสินค้าที่คนคิดว่ามันเป็นได้แค่ความฝันแล้ว Sony จะทำให้มันกลายเป็นความจริง
ปี 2016 เราได้เห็นผลงานจาก Future Lab ในแบบ Prototype ที่เปิดให้ทดสอบได้จริง 2 อย่าง ซึ่งทั้งคู่ก็มีความคล้ายคลึงกับ Xperia Touch และ Xperia Ear Open-style โดยมีชื่อ Codename เก๋ๆ ว่า Project N และ Project T
Project N เมื่อปี 2016 มีลักษณะคล้ายปลอกคอที่มีกล้องและมีสายหูฟังซึ่งรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ดูแล้วมันก็มีส่วนคล้ายกับ Xperia Ear Open-style ส่วน Project T ก็เป็นการฉายภาพลงบนพื้นผิวว่างๆ และสามารถโต้ตอบกันได้ซึ่งก็คล้ายกับ Xperia Touch
ตอนที่นำ Project T มาโชว์เมื่อปีก่อนก็ใช้วิธีการนำเสนอด้วยการเล่นกับหนังสือ แบบที่เราสามารถหยิบตัวละครจากหนังสือเรื่อง Alice in Wonderland ออกมาเล่นได้ และยังสามารถจดจำวัตถุต่างๆ จำแนกแยกเป็น ID ได้ด้วย
โดยรวมแล้วก็คงต้องบอกว่า Xperia Touch เป็นนวัตกรรมที่พร้อมขายจริง ที่แม้จะมีราคาสูงไปหน่อยสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้ามองถึงอรรถประโยชน์มันก็มีไม่น้อย และมันก็เป็นใบเบิกทางให้เราเห็นโลกในอนาคตที่เรามีทางเลือกมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องพกจอใหญ่ๆ ก็สามารถใช้งานจอสัมผัสใหญ่ๆ ได้ด้วย แม้ราคา 59,990 บาทจะเกินเอื้อมคนทั่วไป แต่ถ้าคิดแยกคุณสมบัติหน้าจอขนาด 80 นิ้วและเป็นจอสัมผัส และคิดว่าซื้อมือถือเครื่องนึงเพื่อต่อออกจอ …ถ้ามองแบบนี้ก็ถือว่าไม่แพงหรอกนะ
โฉมหน้าคนกลุ่มแรกๆ ในประเทศไทยที่ได้ลองทดสอบ Xperia Touch
