ตอนได้รับหมายเชิญไปงาน SME Revolution ที่สอดคล้องกับ Thailand 4.0 ผมก็รีบเคลียตารางงานทันที เพราะผมอยากรู้ว่าภายใต้ Thailand 4.0 จะมีอะไรใหม่บ้าง หรือเป็นเพียงนโยบายที่สวยหรู
ช่วงหลังเนี่ยไม่ค่อยอยากเรียกตัวเองว่า Tech Blogger เท่าไร เพราะตามแพลนแล้วผมจะ Positioning และ Branding ตัวเองให้กว้างกว่าเดิม ซึ่งที่จริงงานของผมตอนนี้คือ Blogger+Consultant ทำให้ช่วงหลังได้รับเชิญไปงานที่หลากหลายขึ้น เช่น Bangkok Coffee Fest 2017 , Bangkok Gourmet Festival 2017 รวมถึงงาน SME Revolution ที่ตามรอย Thailand 4.0
งานนี้ก็จัดว่าเป็นงานใหญ่โดยมีนายกมากล่าวเปิดงาน และก็พูดคุยสไตล์ท่านนายกนั่นล่ะครับ และการที่มีนายกมาเปิดงานก็ทำให้การตรวจสัมภาระก่อนเข้างานค่อนข้างเข้มงวดกว่างานทั่วไป รวมถึงทีมข่าวก็หลากหลายสำนักจนล้นออกมาจากโซนทำข่าว ผมก็ได้แต่ยืนดูห่างๆ ก่อนจะเดินชมงานแทน
ในแง่การจัดงานถือว่ายิ่งใหญ่ แต่ในแง่ของพื้นที่การจัดงานก็ไม่ถือว่าใหญ่นัก เพราะใช้แค่ส่วนของ Plenary Hall ของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เท่านั้น โดยแบ่งเป็นโซนเช่น สสว. , OTOP หรืออย่างโซนที่เกี่ยวกับการเงิน
เมื่อยุคสมัย OTOP รุ่งเรื่อง ผมก็เคยเข้าไปวนเวียนขายสินค้าในนั้น ดังนั้นผมก็เข้าถึงเนื้องานในแบบ OTOP แต่หลังจากที่ OTOP ซบเซาลงไปและกลับมาดูอีกทีในงานนี้มันช่างต่างกันมากมาย เนื้องานของ OTOP ถูกพัฒนาขึ้นมาก มีความเป็นอินเตอร์ในแบบที่จับเอาไปวางห้างหรูได้สบายๆ ผมเลยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่และได้รับคำตอบว่า สินค้า OTOP กลุ่มนี้ได้รับการคัดเลือกไปแสดงที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นต้นกำเนิดแนวคิด OTOP และก็ได้รับการสั่งซื้อด้วย
แต่พอเดินไปอีกโซนก็ยังคงเห็นความเป็น OTOP แบบดั้งเดิมที่ยังไม่ถูกเพิ่มมูลค่า คืองานดีมีเอกลักษณ์แต่ขายไม่ได้ในยุคนี้ และก็ยังมีส่วนของเครื่องปั้นดินเผาที่มาปั้นโชว์กันในงานเลย หรืออย่างนวัตกรรมด้านฟาร์มที่จับใส่ความเป็น Tech เข้าไปให้สามารถควบคุมและมอนิเตอร์ทุกอย่างได้ผ่านมือถือ
แต่ผมก็ยังคงไม่เข้าใจนิยามคำว่า Thailand 4.0 ว่าประเทศเราจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร สุดท้ายก็ต้องกลับมานั่งหาข้อมูลเองจนได้คำตอบว่า
• ยุคสังคม 1.0 ยุคเริ่มแรกมนุษย์ต้องล่าสัตว์และเก็บอาการ
• ยุคสังคม 2.0 ยุคที่มนุษย์รู้จักทำการเกษตรกรรมเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์
• ยุคสังคม 3.0 ยุคอุตสาหกรรมมีเครื่องทุ่นแรงขนาดใหญ่ที่ใช้ในการผลิต
• ยุคสังคม 4.0 ยุคสารสนเทศและเทคโนโลยี
• ยุคสังคม 5.0 ที่กำลังมาคือยุคแห่งอุปกรณ์ sensors เช่น หุ่นยนต์ ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์
คำถามก็คือถ้าประเทศเราจะเน้นเรื่อง Information and Technology …คนที่ควบคุมดูแลและเกี่ยวข้อง มีความเข้าใจเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน? ผมไม่ได้บอกว่ามากหรือน้อย ผมแค่ตั้งคำถาม