รีวิว Sennheiser Momentum True Wireless
ในยุคที่หูฟังแบบ True Wireless เริ่มเป็นที่นิยม เราก็ได้เห็นแต่ละค่ายทำออกมาขายในคุณภาพและคุณสมบัติที่ต่างกัน โดย Sennheiser Momentum เป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อคนฟังเพลงโดยเฉพาะ ทำให้มีคุณภาพเสียงที่ดีและ Latency หรือความดีเลย์ที่ต่ำมากๆ เหมาะกับการเอาไว้ดูหนังเช่นกัน
Sennheiser Momentum True Wireless มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 12,390 บาท และด้วยราคาหมื่นอัพแบบนี้ทำให้เกิดความน่าสนใจว่ารุ่นนี้มีอะไรดี เพราะมันก็ไม่ได้กันน้ำเหมือนพวก Plantronics BackBeat FIT 3100 ที่ราคาถูกกว่า เมื่อเริ่มสำรวจหาจุดเด่นที่มาของราคา 12,390 จากภายนอกกล่องก็จะพบว่ารุ่นนี้เป็น Bluetooth 5.0 ซึ่งนับว่าใหม่มาก และยังรองรับ Qualcomm aptX และ Qualcomm aptX Low Latency ต่างจากหูฟังส่วนใหญ่ยังอยู่ที่มาตรฐาน Bluetooth 4.0 หรือต่ำกว่านั้น
ณ วันที่ทำการรีวิว Sennheiser Momentum True Wireless มีวางขายที่หน้าเว็บ Sennheiser สามารถสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บได้โดยตรง
การที่ใช้มาตรฐานที่ใหม่กว่าก็ส่งผลดีหลายด้านแต่ด้านที่จับต้องได้ง่ายที่สุดคือคือ Low Latency ที่ช่วยให้แก้ปัญหาดูหนังแล้วเสียงไม่ตรงกับภาพ นอกจากนี้ยังชูจุดเด่นเรื่องระบบเสียงการโทร และรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Voice Assistant ทั้ง Siri และ Google Assistant รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่องร่วมกับตัวเคสได้นานถึง 12 ชั่วโมง (หูฟังใช้ได้ 4 ชั่วโมง เคสชาร์จได้อีก 8 ชั่วโมง) ด้านการควบคุมทั้งหมดเป็นระบบสัมผัส และที่สำคัญก็คือชาร์จผ่าน USB-C ด้วย
ภายในกล่องมีจุกหูฟังให้เลือกเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับใบหูของเรา และมีสายชาร์จ USB-C สั้นๆ มาให้อีกเส้น เมื่อมองที่ขนาดกล่องเคสสำหรับพกพาและชาร์จ ก็จะพบว่าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เท่าไร ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พกพาได้ไม่ยากนัก วัสดุและผิวสัมผัสดีสมราคา และยังมีปุ่มให้กดดูปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือได้อีกด้วย โดยแสดงผลผ่านสีสันของหลอดไฟ LED แบบที่เราคุ้นเคย
เมื่อเปิดฝาเคสจะพบหูฟังทั้ง 2 ข้างนอนสวยๆ อยู่ภายใน พร้อมกับตัวอักษรโลโก้ Sennheiser ซึ่งข้อดีของเคสในลักษณนี้คือการทำความสะอาดที่ค่อนข้างง่าย ต่างจาก AirPods ที่ทำได้ยากเอาเรื่อง
ในการใช้งานก็ทำได้ง่ายแทบจะไม่ต้องเปิดคู่มืออ่านใดๆ ทั้งสิ้น หรือถ้าอยากได้คำแนะนำและใช้ให้เต็มประสิทธิภาพก็สามารถติดตั้งแอพ Sennheiser Smart Control ได้ทั้ง Android และ iOS โดยเราสามารถการสั่งงาน Touch Control ได้ทั้งหมด 7 แบบ ได้แก่
- หูฟังข้างซ้าย: แตะ 1 ครั้ง = Play/Pause
- หูฟังข้างซ้าย: แตะ 2 ครั้ง = Next
- หูฟังข้างซ้าย: แตะ 3 ครั้ง = Previous
- หูฟังข้างซ้าย: กดค้าง = Volume Down
- หูฟังข้างขวา: แตะ 1 ครั้ง = Accept Call/Voice Assistant
- หูฟังข้างขวา: แตะ 2 ครั้ง = Reject Call/Transparent Hearing
- หูฟังข้างขวา: กดค้าง = Volume Up
ณ วันทดสอบยังไม่สามารถตั้งค่าสลับคำสั่งของแต่ละปุ่มได้ และไม่แน่ใจว่าจะมีการอัพเดทเพิ่มเติมในอนาคตหรือไม่
ในการควบคุมสั่งการผ่านการสัมผัสเรียกได้ว่าต้องปรับตัวทำความเข้าใจสักหน่อย เพราะต้องรู้จังหวะและตำแหน่งในการแตะ ไม่งั้นอาจจะได้คำสั่งที่เราไม่ต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของหูฟังที่ควบคุมผ่านการสัมผัส
ความน่าสนใจเป็นพิเศษของการสั่งงานผ่านการสัมผัสคือ Transparent Hearing ก็คือโดยปรกติแล้วหูฟังแบบ In-Ears จะตัดเสียงโลกภายนอกออกเกือบหมด ทำให้เราได้ยินเสียงพูดคุยไม่ชัดหรือไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ขณะข้ามถนน แต่โหมดนี้จะช่วยทำให้เราได้ยินเสียงรอบข้างได้มากขึ้น และยังเลือกได้ว่าระหว่างที่เปิด Transparent Hearing นั้นจะให้หยุดหรือให้เล่นเพลงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทำให้เราไม่ต้องจับหูฟังถอดเข้าถอดออกเพื่อจะมาฟังเสียงรอบข้าง นอกจากนี้ยังสามารถปรับ Equalizer ได้อีกด้วย
ถ้าไม่นับ AirPods แล้วหูฟังแบบ True Wireless แทบทั้งหมดจะยึดหูฟังข้างขวาเป็นหลัก โดยขั้นตอนการเชื่อมต่อจะเป็นการที่มือถือต่อกับหูฟังข้างขวา และหูฟังข้างขวาก็ต่อกับหูฟังข้างซ้ายอีกที ไม่สามารถเลือกหยิบข้างซ้ายมาใช้เพียงอันเดียวได้ แต่สิ่งที่ได้เพิ่มเติมกลับมาจาก Sennheiser Momentum ก็คือคุณภาพเสียงที่อิ่มเอมประทับใจมาก และแม้ว่าจะเป็น In-Ears ที่รูปร่างแบบนี้ แต่การใช้งานจริงก็ใส่สบาย เบา และกระชับมาก ไม่หลุดง่ายๆ …เรียกว่าใช้มาไม่เคยหลุดเลยแหละ และยังใส่นอนหมอนได้อีกด้วย ซึ่งหลายๆ รุ่นใส่นอนแล้วเกิดการกดทับใบหูทำให้เจ็บและไม่เหมาะกับการใส่นอนเหมือนรุ่นนี้
ส่วนเรื่องของเสียงต้องออกตัวอีกครั้งว่าผมไม่ใช่คนที่หูทองหูเทพ แต่จากการได้ใช้งาน Sennheiser Momentum มาระยะหนึ่งก็รู้สึกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่เสียงดีมากเมื่อเทียบกับหูฟัง True Wireless ด้วยกัน และจัดว่าเป็นหูฟังที่ขี้ฟ้องอีกตัวประเภทว่าถ้าต้นทางมาไม่ดีนี่เสียงจมเลยก็มี แต่พอเจอเพลงที่ใช่นี่อิ่มจิตมากๆ
ลักษณะเสียงของรุ่นนี้ออกไปทางหวาน แม้จะฟังเพลงที่กระแทกกระทั้นก็ยังออกแนวหวานๆ ฟังได้ไม่เหนื่อย รายละเอียดเสียงจัดว่าดีมากทั้งเสียง Background, Chorus, Percussion หรือการแยกเสียงชิ้นดนตรีแต่ละอย่างออกจากกันก็ทำได้ดี เสียงร้องลอยเด่นชัดเจน ซึ่งผมก็ได้ลองทดสอบจากการสุ่มเพลงหลายๆ แนวผ่าน Apple Music ที่ติดตั้งบน HUAWEI Mate 20X ก็เรียกได้ว่าโดยรวมแล้วทำได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะเพลงของ BlackPink ที่ทีมงานเราติดใจแทบจะไม่อยากถอดหูฟัง เพราะรายละเอียดดีทุกอย่าง เสียงบางอย่างที่ไม่เคยรู้ว่ามีก็โผล่มาให้ได้ยิน ความกระแทกกระทั้นก็ดีพอที่จะทำให้โยกหัวตามนิดๆ มันส์ในอารมณ์หน่อยๆ
บทสรุปของ Sennheiser Momentum
ในภาพรวมแล้ว Sennheiser Momentum ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการดูหนังฟังเพลงที่เน้นเรื่องคุณภาพเสียง และสวมใส่ได้ทุกเวลาไม่ว่าจะใช้งานในบ้านหรือระหว่างเดินทาง เพราะน้ำหนักที่เบาและสวมใส่ได้กระชับรวมถึงการเปิด Transparent Hearing แต่ไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายที่มีความเสี่ยงต่อการชื้น ถ้าเป็นคนที่ชอบฟังเพลงอิ่มเอมกับเสียงอย่างจริงจังและไม่ชอบสายที่รุงรัง Sennheiser Momentum ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ