AirFly Pro เป็นตัวแปลงช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. ให้กลายเป็น Bluetooth และยังสามารถส่งสัญญาณไปยังหูฟัง 2 ตัวได้พร้อมกันอีกด้วย สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายสถานการณ์
AirFly มีให้เลือกใช้หลายรุ่น
AirFly มีอยู่หลายรุ่นทั้งแบบแปลงเสียงจาก USB-C ที่เหมาะจะเอาไว้ใช้กับ Nintendo SWITCH และแบบ 3.5 มม. ซึ่ง AirFly Pro เป็นรุ่นที่ฟีเจอร์จัดเต็มที่สุด และเป็นรุ่นที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้
แรกเริ่มเดิมทีมีไว้ใช้บนเครื่องบิน
อุปกรณ์ภายในกล่องมีสายชาร์จแบบ USB-C กับซองผ้าสำหรับพกพาและตัว AirFly Pro โดยจุดประสงค์ตั้งต้นของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือ การใช้ดูหนังฟังเพลงบนเครื่องบิน แต่ความเป็นจริงแล้วมันเอาไปใช้กับอุปกรณ์อะไรก็ได้ที่เป็นช่องเสียบแบบ 3.5 มม.
การใช้งานจริงที่สะดวกมาก
AirFly Pro ชาร์จผ่าน USB-C และใช้งานต่อเนื่องได้ราว 20 ชั่วโมง ซึ่งความสะดวกอยู่ตรงที่ปรกติแล้วการแพร์หูฟัง Bluetooth จะต้องทำการจับคู่เมื่อใช้กับเครื่องอื่น แต่พอเราเปลี่ยนรูปแบบจากการจับคู่โดยตรงระหว่างหูฟังกับอุปกรณ์ ให้กลายเป็นหูฟังจับคู่กับ AirFly Pro และเอา AirFly Pro ไปเสียบเข้ากับอุปกรณ์อีกที ก็จะทำให้ไม่ต้องทำการแพร์หูฟังใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนเครื่อง
อย่างผมใช้ AirPods Pro ที่จับคู่กับสินค้าของ Apple ได้ดี และผมไม่อยากทำการแพร์กับค่ายอื่นบ่อยๆ ผมก็แค่เอา AirPods Pro มาจับคู่กับ AirFly Pro ก็ช่วยลดความซับซ้อนลงไปได้เยอะ
ส่วนใหญ่ผมใช้ Mac mini เป็นหลัก แต่บางครั้งก็ต้องสลับไปใช้ HUAWEI MateBook 13 ผมก็หยิบ AirFly Pro ไปเสียบ แค่นี้ก็พร้อมใช้งานแบบไร้สายโดยไม่จำเป็นต้องแพร์ใหม่บ่อยๆ
เชื่อมต่อหูฟังได้พร้อมกัน 2 ตัว
ข้อดีอีกอย่างก็คือการที่เราสามารถจับคู่หูฟังและใช้พร้อมกันได้ถึง 2 ตัว ซึ่งอันที่จริงเราจะประยุกต์เอาไปต่อเข้ากับลำโพงก็ได้เช่นกัน
ปรับโหมดเป็นตัวรับสัญญาณได้ด้วย
นอกจากจะทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไปยังหูฟังแล้ว ยังสามารถปรับโหมดจาก TX ให้กลายเป็น RX เพื่อรับสัญญาณแทน เช่นการส่งสัญญาณจากสมาร์ทโฟนไปยังเครื่องเล่นเพลงบนรถยนต์
บทสรุปรีวิว AirFly Pro
ขอเริ่มจากราคาก่อนเป็นเรื่องแรก เนื่องจากสินค้านี้ยังไม่มีขายในไทย ต้องสั่งซื้อจากเมืองนอก รวมค่าส่งกับหักส่วนลดแล้วก็ราวๆ 2,300 บาท อีกประเด็นก็คือของแนวนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ AirFly Pro ทำออกมาสวยและมีคุณภาพ ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังคงมีความน่าสนใจแม้จะมีตัวเลือกอื่นก็ตาม
