เปิดบ้านใหม่ ย้ายเข้า เล่าให้ฟัง
หายเงียบไปหลายเดือน ส่วนหนึ่งเพราะงานเยอะ อีกส่วนคือกำลังซื้อบ้านใหม่ครับ ตอนนี้เลยทำคลิปมาให้ดูกันเบื้องต้นก่อน โดยบ้านที่ผมตัดสินใจซื้อคือ Patio รามอินทรา
เหตุผลที่เลือก Patio รามอินทรา
ต้องเกริ่นก่อนว่าที่จริงแล้วผมชอบไลฟ์สไตล์การอยู่คอนโดมากกว่าการอยู่บ้าน ด้วยทำเลที่สะดวกต่อการกินอยู่และการเดินทาง มีนิติรับพัสดุให้ มีคนดูแลส่วนกลางให้ทั้งหมด และที่สำคัญคือ ของทุกอย่างอยู่ในชั้นเดียว ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได แต่ด้วยการขยับขยายทางการงาน เลยจำเป็นต้องมีที่อยู่ที่ใหญ่ขึ้น
คือต้องเข้าใจว่าเดิมทีผมไม่มีบ้านครับ ผมไม่มีที่อยู่สำหรับทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนด้วยซ้ำ มันเลยทำธุรกรรมยาก เลยตัดสินใจซื้อคอนโดในตอนนั้น เพื่อที่จะได้มีที่อยู่ทางเอกสารเป็นหลักแหล่ง และสามารถจดบริษัทได้ แต่พอตัวงานเริ่มขยับไปเรื่อยๆ ปรากฎว่าคู่ค้าต้องการหน้าร้านหรือบริษัทที่ดูเป็นตัวเป็นตน ดังนั้นบ้านเดี่ยวและคอนโดจึงไม่ตอบโจทย์แล้ว ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศจึงคือคำตอบที่ลงตัว
Patio รามอินทรา อยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักหากเทียบในงบและขนาดที่ใกล้เคียงกัน และบริเวณโดยรอบก็มีชุมชนและร้านอาหาร คลินิกต่างๆ ซึ่งประเมินแล้วเหมาะกับการอยู่อาศัย แม้จะไม่มีรถยนต์ของตัวเอง ก็ยังใช้บริการ Delivery ได้ไม่ยากนัก โดยขนาดบ้านมีให้เลือกตั้งแต่ 175 – 200 ตารางเมตร ราคาอยู่ราวๆ 4.5-6 ล้านบาท โดยประมาณ
ถ้านั่งแทกซี่จากโครงการไป เพลินนารี่ มอลล์ ตามเรทค่าโดยสารตอนนี้ก็ 40 บาท หรือเอาใกล้ๆ ก็มีร้าน ต. เนื้อตุ๋น ที่เลื่องลือ ร้านคาเฟ่สวยๆ ก็มี นิตยาไก่ยางก็มี ร้านอาหารอีสาน ร้านซักผ้า ร้านตัดผม ร้านขายปลา และหลายสิ่งอยู่ในระยะที่เดินได้ไม่เกิน 700 เมตร โดยประมาณ
และตัวบ้านก็มีขนาด 185 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ในตัวบ้าน 165 ตารางเมตร เวลาซื้อบ้านแนะนำว่าให้ถามเซลหรือขอแปลนว่าในตัวบ้านมีขนาดเท่าไร เพราะส่วนมากจะนับรวมทุกสิ่งที่ปูพื้นครับ บ้านมีหน้ากว้าง 5.65 เมตร สามารถจอดรถในบ้าน 2 คันได้สบายๆ ถ้ามีเหตุจำเป็นก็จอดหน้าบ้านได้อีก 1 คัน และพื้นที่ส่วนกลางก็มีให้จอดอีกพอควร เนื่องจากโครงการนี้ออกแบบไว้เผื่อทำโฮมออฟฟิศอยู่แล้ว
ถัดมาคือการเป็นบ้าน 3 ชั้นทำให้แบ่งพื้นที่ทำงานและพื้นที่ส่วนตัวออกเป็นสัดส่วนได้ง่ายกว่า โดยผมจะทำออกมาในลักษณะกึ่งโฮมออฟฟิศ ซึ่งที่จริงแล้วผมชอบขนาด 200 ตารางเมตรมาก แต่แปลนชั้น 3 เค้าทำเป็น 2 ห้องนอน ที่ผมรู้สึกว่าขนาดมันอึดอัด เล็กกว่าคอนโดผมอีก ก็เลยเลือก 185 ตารางเมตรที่แปลนถูกใจกว่า
บ้านพฤกษาปัญหาเยอะจริงไหม ?
ก่อนซื้อบ้านหลังนี้ ผมได้ยินคนรอบตัวบ่นบ้านเครือพฤกษาเยอะมาก และถ้าหาข้อมูลโครงการนี้จะเห็นว่ามีคนรีวิวด้านลบอยู่ไม่น้อย ซึ่งผมก็ค่อนข้างระวังเรื่องนี้ เลยจ้างบริษัทตรวจบ้าน Phalai Inspector ซึ่งก็เจอปัญหา Defect เยอะมาก หลายจุดก็หยวนๆ ได้ หลายจุดก็รับไม่ได้
ซึ่งความซีเรียสของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมองว่าบ้านราคาหลายล้าน ไม่ได้ขอมาฟรีๆ มันก็ต้องเรียบร้อยทุกจุดสิ่ง ซึ่งก็ไม่ผิดครับ แต่สำหรับผม ถ้าเป็นของที่ไม่กระแทกสายตาเกินไป ไม่กระทบกับงานระบบและโครงสร้าง ผมก็ให้ผ่านครับ แต่ถ้าจะเอาปัญหาตามที่ทางบริษัทตรวจบ้านลิสต์มาให้ มีเกือบๆ 600 รายการที่ต้องแก้ไข
แต่ที่หนักจริงๆ ก็อย่างเช่นห้องน้ำชั้น 2 รั่ว ซึ่งแก้ไขได้ แต่ที่แก้ไม่ได้คือผนังเอียงไม่ได้ฉากในส่วนของประตูระเบียง แต่ผมมองว่าในจุดนั้นไม่ได้กระทบกับการใช้ชีวิต เลยปล่อยผ่าน
สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไร คือหลังจากโอนบ้านเสร็จ พอเจอปัญหาที่อยู่ในระยะประกัน ช่างก็เข้ามาซ่อมให้ แต่พอซ่อมปัญหา A เค้าก็สร้างปัญหา B อย่างเช่นพื้นที่เป็นรอยดำแบบทำความสะอาดก็ไม่ออก เกิดเพราะช่างเข้ามาทำซ่อมอะไรก็ไม่แน่ใจ และเค้าก็ทำพื้นเป็นรอยแบบนี้หลายแผ่น พอแจ้งทางเซลก็บอกว่าเคสนี้ต้องแจ้งทาง call center พอผมถามช่างก็บอกว่ารอให้ผมทำบ้านให้เสร็จก่อนเพราะรื้อพื้นแล้วฝุ่นเยอะ ถามไปถามมาบอกว่าไม่มีช่าง ต้องรอให้ขึ้น Phase ใหม่ก่อนถึงจะมีช่างและอะไหล่ …ผมก็งง
หรืออย่างงานสีที่เก็บไม่เรียบร้อย พอมาซ่อมจุด A ก็ทำเลอะจุด B ที่หนักสุดคือเลอะพื้นไม้แต่ไม่ทำความสะอาดก่อน แล้วทาเคลือบผิวไม้เลย สรุปว่าสีที่เลอะก็อยู่ใต้ชั้นเคลือบผิว และทำความสะอาดไม่ออก
อีกส่วนที่ผมไม่โอเคเลยคือ งานระบบที่โบราณและมักง่ายจนต้องรื้อทำใหม่คือการเดินสายเน็ต บริเวณชั้น 2 เป็นเหมือนศูนย์รวมระบบไฟฟ้าและสายโทรศัพท์กับสายอากาศ โดยมีช่องต่อ LAN ไว้กระจายไปทั้ง 3 ชั้น ซึ่งผมให้ช่างของทรูมาติดเน็ต ปรากฎว่าติดตั้งไม่ได้ เพราะสายขาวๆ ที่เห็นจุดนี้ กับนอกบ้าน ไม่ใช่สายสำหรับล่อสายไฟเบอร์ และสายมันก็ตึงจนงงว่าเดินระบบยังไง
สุดท้ายช่างของโครงการเลยบอกให้กรีดฝ้าเลย เดี๋ยวจะมาซ่อมให้ แต่ที่ตะลึงกว่านั้นคือ สายทั้งหมดพันเป็นม้วนแบบนี้อยู่ใต้ฝ้า แล้วใครมันจะไปดึงออกได้โดยไม่กรีดฝ้า
ทีมช่างของทรูก็พยายามทุกวิถีทางก็ไม่สามารถติดตั้งเน็ตได้ จนบอกว่าไม่กล้าดึงสาย ไม่กล้ากรีดฝ้าเพิ่ม เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าช่างไฟเดินระบบไว้ยังไง ไม่งั้นทำไปทำมามันจะกลายเป็นรื้อทั้งบ้าน
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังมึนว่าโครงการนี้อายุราว 5 ปี แต่ผังงานระบบออกแบบมาโบราณมาก
- มีสายสำหรับต่อกล่องทีวี 5 เส้น ที่น่าจะออกแบบไว้สำหรับแต่งละห้อง
- มีสายขาว ที่ช่างทรูคิดว่าเป็นสายล่อไฟเบอร์ แต่ก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเป็นโทรศัพท์บ้าน มันก็ไม่ครบตามจำนวน
- มีช่องไว้ต่อ LAN เพื่อกระจายไป 3 ชั้น แต่ไม่มีการออกแบบระบบเผื่อเดินสายเน็ตเข้ามาจุดนี้
นี่เป็นจุดที่ผมคาดไม่ถึง และรู้สึกว่าโครงการควรออกแบบให้ดีกว่านี้ เพราะพอต้องเดินระบบเอง ผมลองให้ช่างมาประเมินราคาเดินสายไฟเบอร์ลอดท่อซ่อนใต้ฝ้าให้สวยๆ เบื้องต้นเคาะราคาประมาณ 20,000 บาท เพราะช่างไม่รู้ว่าใต้ฝ้ามีอะไรบ้าง …ซึ่งมันเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรต้องเกิดเลย
อีกจุดที่เกินคาดคือฝาปิดท่อที่เปราะบางมาก ซึ่งฝาท่อนี้อยู่บริเวณที่จอดรถและหลังบ้าน ฉะนั้นมันมีโอกาสสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ ซึ่งช่างบอกว่าจะเข้ามาซ่อมให้
นอกจากนี้ครับ พออยู่จริงเกิดมีน้ำรั่วที่ชั้น 3 บริเวณรอยต่อหลังคาบ้าน ซึ่งอันนี้โอเคตรงเค้าซ่อมให้หลายครั้ง และล่าสุดเหมือนจะแก้ได้เรียบร้อยแล้ว
บ้านพรีแคสแย่จริงเหรอ?
หลายคนไม่ชอบบ้านที่ก่อสร้างแบบพรีแคส ซึ่งส่วนตัวผมก็ชอบแบบก่ออิฐฉาบปูนมากกว่า เพราะมันสะดวกใจเวลาจะทุบหรือแก้ไขแปลน แต่พรีแคสมันก็มีข้อดีในแง่ของความแข็งแรง และไม่มีเสามาเกะกะ ซึ่งที่จริงแล้วพรีแคสมันสามารถเจาะได้นะครับ หลายคนคิดว่าห้ามเจาะเลย เพราะเค้าคำนวณการรับน้ำหนักไว้เผื่อแล้ว ดังนั้นถ้าจะเจาะติดตั้งแอร์นี่ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะทุบออกทั้งแผ่นเลยไม่ได้ครับ
ข้อดีของพรีแคสคือการที่ตัวผนังทำหน้าที่ทดแทนเสาและคาน ดังนั้นถ้าจะติดหลังคาไร้เสาสำหรับโรงรถหรือหลังบ้าน มันก็ทำได้ง่ายกว่า เพราะสามารถเจาะยึดกับผนังในลักษณะของกัดสาดได้เลย แต่ถ้าเป็นบ้านแบบก่ออิฐก็ต้องหาจุดที่เป็นคานถึงจะทำได้
ไม่มีแพลนจะทำครัวหลังบ้าน
คนซื้อทาวน์โฮมส่วนใหญ่มักจะต่อเติมหลังบ้านเป็นห้องครัว เพื่อการใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า แต่ผมตีความคำว่าคุ้มค่าอีกแบบ คือผมต้องการพื้นที่เปิดโล่งรับแสง และต้องการพื้นที่สีเขียว ดังนั้นผมไม่มีแพลนที่จะทำหลังบ้านตีทึบเป็นห้องครัว …อย่างน้อยก็แพลน ณ ตอนนี้
สาเหตุที่ผมไม่อยากต่อเติมครัวเพราะ
- บ้านอับ อากาศไม่ถ่ายเท และบ้านก็มืด
- เปลืองเงิน ค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น ถ้าอยากให้ทรุดน้อยลงก็ต้องฝังเสาเข็มไมโครไพล์ หมดเงินอีกหลายแสนบาท
- บ้านทรุดในระยะยาว แม้ว่าจะฝังเสาเข็มยังไง แต่ด้วยขนาดเสาเข็มที่ไม่เท่าตัวบ้าน สุดท้ายครัวก็จะแยกทางกับบ้านอยู่ดี
ดังนั้นผมจึงจะปล่อยหลังบ้านเปิดโล่งไว้ หรือมากสุดก็ทำกัดสาดเพื่อกันแดดกันฝน ยืดอายุเครื่องซักผ้า และตากผ้าได้ง่ายขึ้น โดยที่ยังมีช่องลมและช่องแสง
ทีจริงมีอีกเหตุผลที่ผมไม่อยากต่อเติมหลังคานอกบ้าน คือเรื่องของกฎหมายครับ แม้ว่าเราจะต่อเติมกันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ที่จริงมันผิดกฎหมาย มันต้องมีระยะร่น และมีพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งผมพยายามจะให้ตัวเองอยู่ในขอบเขตของกฎหมายให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
แพลนที่วางไว้
โดยรวมแล้วผมจะทำบ้านให้เป็น Smarthome ซึ่งตอนอยู่คอนโดผมก็ทำเหมือนกัน เพียงแต่พอเป็นบ้านแล้วพื้นที่เยอะกว่า ทำให้มีต้นทุนและการเดินระบบที่ซับซ้อนกว่า ส่วนถังเก็บน้ำผมจะเปลี่ยนเป็นของ DOS Timbera Water Pac ที่บริหารพื้นที่หลังบ้านได้ดีกว่า เก็บปั๊มน้ำไว้ได้ในตัว ลดเสียงดังรบกวน
แต่แท้งน้ำตัวนี้ก็ราคาสูงเอาเรื่องครับ เพราะต้องใช้ปั๊มน้ำที่ออกแบบมาเฉพาะ แต่ผมก็คิดว่าคุ้มนะ …ไว้มีอัพเดทเดี๋ยวมาเล่าอีกที