วิเคราะห์ Apple Event กับประเด็นน่าสนใจและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น #เขียนให้อ่านเล่น
หากมองในแง่การเปิดตัวสินค้าใหม่ จะพบว่ามีสินค้าใหม่ 5 อย่างคือ iPhone 12 สีใหม่, AirTag ไว้ติดตามสิ่งของ, Apple TV 4K, iPad Pro และ iMac ซึ่งน่าสนใจทั้งในแง่สินค้าและทิศทางแนวโน้มของ Apple ในยุคของ Tim Cook …และ #เขียนให้อ่านเล่น วันนี้จะพาทุกคนไปทัวร์มุมมองต่างๆ ของ Apple ครับ
เท้าความย้อนรอย Tim Cook
หากย้อนไปดูสมัยที่ Tim Cook เข้ามารับไม้ต่อจาก Steve Jobs ใหม่ๆ คนส่วนใหญ่บอกว่า Apple กำลังจะล่มสลาย แต่ผมยืนยันมั่นใจมาตลอดว่า Tim Cook นี่แหละตัวโหดกว่า Jobs ซะอีก
เดิมที Cook ทำงานอยู่ที่ IBM และ Compaq มาก่อน ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการในเวลานั้น และ Jobs ได้เข้าไปทาบทามให้เข้ามาทำงานที่ Apple …ถ้าบอกว่า Jobs เป็นอัจฉริยะ งั้นก็ต้องคิดแล้วว่า Cook ต้องไม่ธรรมดาในระดับที่ Jobs ต้องไปชักชวนเอง
ในช่วงที่ Jobs ยังบริหารงานอยู่นั้น Cook ก็เป็นเบื้องหลังที่ช่วยจัดแจงสิ่งต่างๆ กระทั่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนเต็มตัว ก็จะเห็นได้ว่าท่าทีของ Apple เปลี่ยนไป จากเดิมที่ได้รับอิทธิพลความชาญฉลาดบวกกับความเย่อหยิ่งของ Jobs ก็กลายเป็นอ่อนนอกแข็งในแบบสายซุ่ม
เริ่มจากเดินสายจับมือกับคู่แข่งอย่างเช่น Microsoft เพื่อแสดงท่าทีว่าเป็นมิตร เพื่อลดภาวะความตึงเครียดผสมกับการเป็นกลลวงให้คู่แข่งตายใจว่า Apple ไม่ห้าวหาญอย่างในอดีตแล้ว และก็โฟกัสโรงงานและสายการผลิตมากขึ้น ทำให้ Apple สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้เร็วขึ้นกว่ายุคก่อนมาก
วิเคราะห์มุมมองการทำธุรกิจแบบ Cook
มุมมองในการสร้างสรรค์สินค้าของ Cook ไม่เหมือนกับ Jobs ซะทีเดียวแต่ก็คล้ายกันมาก ในช่วงปีแรกๆ ที่รับไม้ต่อก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เลยใช้วิธีการผลิตสินค้าตามแนวทางของ Jobs ออกมาก่อน จนกระทั่งบริษัทเริ่มปรับจูนเข้ากับแนวทางของ Cook ได้ เราก็เริ่มเห็นความเป็น New Era อย่างแท้จริง โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดคือความฉลาดด้านการตลาด ซึ่งแบรนด์สมาร์ทโฟนหลายค่ายใช้วิธีซอยรุ่นเพื่อจับตลาดที่ต่างกัน และ Apple ก็หันมาทำแบบนั้น แต่ใช้แนวคิดต่างกัน
ถ้ามองในแง่สถิติแล้ว แบรนด์สมาร์ทโฟนเรียกได้ว่าแทบทั้งตลาดใช้วิธีซอยรุ่นบน กลาง ล่าง และเน้นขายรุ่นกลางกับล่าง เพราะตลาดบนไม่มีใครเอาชนะ iPhone ได้ ดังนั้นสิ่งที่ Cook ทำก็คือการซอยรุ่นล่างอย่าง SE ออกมาเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้า
แนวคิดของรุ่น SE คือการจับฐานลูกค้า 2 กลุ่มได้แก่
- กลุ่มที่มีงบจำกัดแต่อยากใช้ Apple Ecosystem
- Late Majority ที่ไม่ชอบเทคโนโลยีที่ใหม่จนเกินไป
เดิมที iPhone เป็นสินค้าที่จับกลุ่มตลาดบนเป็นหลักและก็ค่อยๆ ไหลลงมาจนคนระดับกลางๆ เอื้อมถึงได้ นั่นหมายความว่า Apple เสียโอกาสที่จะได้เงินจากกลุ่มตลาดล่าง …ซึ่งตลาดล่างของ Apple เทียบเท่าตลาดกลางค่อนข้างไปทางบนๆ ของ Android
นั่นแปลว่า Cook กำลังทำให้ Apple โกยเงินในจุดที่ Jobs เข้าไม่ถึง โดยที่ Cook ไม่ทำให้แบรนด์เสียภาพลักษณ์ด้วย เพราะ Cook ก็ซอยรุ่นดันกลุ่ม Pro ให้สูงขึ้นไปอีก ในระดับที่เกินความจำเป็นสำหรับคนทั่วไป เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มมืออาชีพอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นจุดที่คู่แข่งไปไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นภาพลักษณ์ที่ออกมาเลยทำให้ Apple ดูเป็นมิตรและตอบโจทย์คนทุกกลุ่มยิ่งกว่าเดิม
เรามักจะเห็นคนที่ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจพูดว่า iPhone กำไรเยอะ ต้นทุนเครื่องถูกมาก คนซื้อนี่โง่มาก …ที่จริงต้องบอกว่าใครที่คิดแบบนั้นควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่ม เพราะอะไรก็ตามที่ราคาสูงและคนซื้อจนเป็นระดับโลกได้ แปลว่าของเค้าดีจริง และสาเหตุที่คนซื้อสินค้า Apple กันเยอะเพราะเค้า R&D มาดีมาก และมี Ecosystem ที่แข็งแกร่งกว่าค่ายอื่นทั้งหมด
นอกจากนี้เรายังได้เห็น Apple Pencil ที่สาวก Samsung Galaxy Note ล้อแล้วล้ออีกในยุคแรก ทำนองว่าไหน Jobs บอกว่าจะไม่ทำปากกาสำหรับมือถือไง …ก็ถูกครับ เพราะ Cook ทำปากกาให้กับ Tablet ซึ่งเมื่อกาลเวลาผ่านไปมันก็พิสูจน์แล้วว่า Cook คิดถูก เพราะถ้าดูสถิติแต่ไหนแต่ไรของเบอร์หนึ่งด้านปากกาอย่าง S-Pen จะพบว่า Galaxy Note ที่เป็นสมาร์ทโฟนนั้นไม่ใช่รุ่นที่ขายดีเท่า S และถ้าไปดูรายละเอียดจริงๆ ก็จะพบว่า S คือเรือธงตัวจริงไม่ใช่ Note อย่างที่หลายคนคิด แม้แต่ในงานเปิดตัวของ Samsung เองก็จะพบว่าเค้าเน้นใช้ S-Pen บน Tablet มากกว่า เพราะมันใช้ได้จริงไม่ใช่ Gimmick
ซึ่งถ้ามองแบบนักธุรกิจที่ไม่เอาอคติมาถ่วงน้ำหนัก ก็จะพบว่าปากกากับสมาร์ทโฟนมันเป็นของที่ไม่เหมาะสมกัน แม้บางคนจะเอามาจดบันทึกหรือวาดรูปได้ แต่ถ้าถามว่ามันดีพอที่คนส่วนใหญ่จะยอมรับไหม? คำตอบคือไม่! แม้แต่เทพแห่งปากกายังรู้ มีหรือที่ Apple จะไม่รู้ …ดังนั้นการเอา Apple Pencil มาใส่กับไลน์สินค้า iPad จึงเป็นการกระทืบซ้ำในตลาด Tablet ที่ปรกติ Android ก็ขายแทบไม่ออกอยู่แล้ว จนเรียกได้ว่า iPad แทบจะผูกขาดตลาดเลย
และสิ่งหนึ่งที่ Cook พยายามช่วงชิงคือตลาด Education ที่ Google Chromebook เข้ามายึดตลาดสหรัฐฯ ได้พักใหญ่ ด้วยการยกระดับ iPad ให้ใช้งานด้านการศึกษาได้ ถ้ามองผิวเผินคงเหมือนแต่การแย่งชิงส่วนแบ่งกัน …แต่ผมเชื่อว่า Cook มองลึกกว่านั้น เพราะการเอา iPad ไปอยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก นั่นหมายความว่าเค้าจะคุ้นเคยและพอโตขึ้นเค้าก็จะงอกเพิ่มทีละชิ้นและส่งต่อวัฒนธรรมนี้ให้ลูกหลานต่อไป
iPad อาจเป็นอนาคตของ PC
เมื่อ 4 ปีก่อน ผมเคยเขียนบทความวิเคราะห์ไว้ว่า Apple วาง iPad ไว้เป็นอนาคตของ PC โดยดูจากสื่อโฆษณาต่างๆ ที่พยายามจะทำให้ iPad เป็นอุปกรณ์ข้างกายทุกคน และใช้ทำงานทดแทนโปรแกรมพื้นฐานได้ทั้งหมด และภาพเหล่านี้ก็เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ Apple งอก Apple Pencil และ Apple Magic Keyboard ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เรียกได้ว่าดีไม่แพ้ Notebook เลย
และล่าสุดก็ยังเปิดตัว iPad Pro ที่ใช้ชิปเซ็ต Apple M1 ที่เรียกได้ว่ามันคือ SoC ที่แรงที่สุดในตอนนี้ ระดับที่ใช้งานจริงแรงกว่า Intel Core i9 ในบางด้านซะอีก และการเปิดตัวยังได้จับเอาเจ้าของแอพดังมาร่วมวงด้วย รวมถึง LumaFusion, FiLMiC Pro และยังออกแบบด้วยความเข้าใจคนที่ใช้กล้องหน้าในการทำงานด้วย Center Stage ที่จะแพนกล้องตามตัวเรา โดยอาศัยเทคนิคการเอากล้องมุมกว้างมาครอปในลักษณะเดียวกับ MEVO ที่สาย Tech เคยตื่นเต้นกัน …นี่จึงทำให้สาย Live Streaming, VDO Production, VDO Conference สามารถใช้ iPad Pro เครื่องเดียวเพื่อจบงานระดับพื้นฐานได้เลย
แต่สำหรับผมที่ใช้งานระดับ Advance เช่นการเขียนโค้ดแก้เว็บ ก็ยังแอบลุ้นให้ Apple เปิดให้ใช้แอพฝั่ง macOS ได้ เพราะในแง่ประสิทธิภาพจัดว่าดีกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะส่วนใหญ่ซะอีก
iMac ที่ถูกวางตำแหน่งให้มากกว่าการทำงาน
ส่วน iMac ที่ยกเครื่องใช้ Apple M1 ก็ทำให้ตัวเครื่องบางเบากว่าเดิม ระบายความร้อนได้ง่ายขึ้น ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น และยังมีระบบเสียงและไมค์รวมถึงกล้องที่ดีกว่าเดิม โดยเพิ่มการสแกนนิ้วเข้า Apple ID ผ่านเซ็นเซอร์บนคีย์บอร์ด แต่จุดที่ผมผิดหวังคือเรื่องของ Magic Mouse ที่ไม่ยอมเปลี่ยนดีไซน์สักที เพราะดีไซน์นี้มันบาดมือผมจนทำให้มือด้านเลย สุดท้ายเลยต้องซื้อ Logitech MX Master 3 มาใช้แทน
นอกจากนี้ Apple ยังตีความ iMac ให้หลุดกรอบจากการนั่งโต๊ะทำงาน ด้วยการสร้างบรรยากาศเพื่อการพักผ่อน เพราะหน้าจอที่การันตีคุณภาพระดับ Apple บวกกับระบบเสียงที่ดีขึ้นใส่ลำโพงมาให้ 6 ตัว มันก็ไม่ต่างการการมี Smart TV ขนาด 24 นิ้วในห้อง
และการที่ใช้ Apple M1 ที่ประสิทธิภาพดีที่สุดในตอนนี้แล้ว มันยังทำให้สามารถรันแอพของ iOS ได้อีกด้วย นั่นหมายความว่าเราสามารถเล่นเกมต่างๆ บน iMac ได้ง่ายยิ่งขึ้น
Apple TV 4K ที่ดีขึ้นไปอีกขั้น
ในมุมมองของคนส่วนใหญ่คงรู้สึกว่าการใช้ Android Set-top Box อย่างพวก Mi Box S ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะผมเองก็ใช้แบบนั้น แต่ถ้าอยากจะได้ประสบการณ์ความเป็น Apple เต็มรูปแบบก็ควรจะต้องมี Apple TV 4K ด้วย
ความน่าสนใจของรุ่นนี้ก็คือการออกแบบรีโมทให้มีการควบคุมคล้ายกับ iPod ที่คนชื่นชอบและคุ้นเคย ช่วยให้การเลื่อนและควบคุมเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนี้เมื่อใช้คู่กับหูฟังของทางค่ายอย่างเช่น AirPods Pro ก็จะมีการสลับการเชื่อมต่อแต่ละเครื่องได้ง่าย รวมถึงการที่ขยับมาใช้ชิปตัวแรงอย่าง Apple A12 ก็ทำให้สามารถเล่นเกมจาก Apple Arcade บนหน้าจอใหญ่ๆ ได้อีกด้วย
และด้วยความที่ตัวกล่องนี้ให้ระบบภาพและเสียงที่ดีมาก ดังนั้นเราก็ควรจะต้องหาทีวีที่คู่ควรมาใช้งาน ไม่งั้นก็เหมือนเสียของเปล่าๆ …นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับ HomeKit เป็นศูนย์กลางควบคุม Smarthome ได้อีกด้วย
AirTag อุปกรณ์สำหรับคนขี้ลืม
อันที่จริงแล้วอุปกรณ์ในลักษณะนี้มีมานานหลายปีแล้ว โดยยุคแรกจะใช้การบอกพิกัดผ่าน Bluetooth ซึ่งทำได้แค่การแจ้งเตือนว่าออกนอกระยะหรือไม่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมช่วงปี 2021 แต่ละค่ายถึงเริ่มสนใจสิ่งนี้มากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเทคโนโลยีต่างๆ มันพร้อมใช้งานจริงแล้ว
AirTag ต่างจากจาก Tracker ยุคก่อนๆ ตรงที่การใช้เครือข่ายของ FindMy บวกกับชิป U1 ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าอุปกรณ์อยู่ทิศทางไหน โดยระยะความครอบคลุมก็มาจาก iPhone, iPad, Mac ของคนทั่วโลกที่จะช่วยสื่อสารสัญญาณแทน ซึ่งมันเจ๋งมาก! …พูดง่ายๆ ว่าที่ไหนที่มี iPhone, iPad, Mac อยู่ ที่นั่นก็จะค้นหา AirTag ของเราได้
นี่จึงเป็นอีกสิ่งที่สะท้อนความคิดของ Apple ได้เป็นอย่างดี …ไม่ใช่แค่มีหรือทำก่อนเจ้าอื่น แต่มีแล้วต้องดีใช้งานได้จริง
แนวโน้มภาพรวมของ Apple ในยุคของ Tim Cook
หลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็น Apple ในแบบของ Cook ที่ดึงเอาเสน่ห์ของยุค Jobs มาผสมผสานกับการตลาดที่สร้างกำไร สร้างมูลค่า และโดนใจคนยิ่งกว่าเดิม …Cook ทำให้เทคโนโลยีที่ล้ำๆ กลายเป็นของใช้ประจำวันที่ แบบที่เข้าใจลูกค้าจริงๆ ว่าลูกค้าอยากได้อะไร
แต่ในความสำเร็จนั้นก็มีความล้มเหลวประปรายอยู่ที่เราจะโฟกัสส่วนไหน หากแนวโน้มยังเป็นแบบนี้ต่อไปก็ต้องบอกว่า Cook จะยกระดับ Apple ขึ้นไปอีกขั้น และเป็นคู่แข่งที่ไร้เทียมทาน โดยในฝั่งสมาร์ทโฟนก็มี iPhone ที่อยู่หัวแถว ฝั่งแท็บเล็ตก็มี iPad ที่ยึดหัวหาด ฝั่งคอมพิวเตอร์ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ กับ Mac รวมถึง Apple Watch ก็นำลิ่วในกลุ่มสมาร์ทวอช แถมยังมี Apple M1 ที่นำโด่งในฝั่ง SoC ที่ทำให้แบรนด์ CPU และ GPU ต้องทำการบ้านกันอย่างหนัก
นี่คือความโหดเหี้ยมในแบบฉบับของ Tim Cook ที่อ่อนนอกแข็งในและเป็นสายซุ่มอย่างแท้จริง
ภาพประกอบ: apple