รีวิว HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch กระหึ่มความบันเทิงกับลำโพง 8 ตัวจาก harman/kardon

HUAWEI MatePad Pro 12.6 มีความน่าสนใจเป็นพิเศษตรงที่เป็นสินค้าในกลุ่มของ Mobile รุ่นแรกที่มาพร้อมกับ HarmonyOS 2.0 ที่วางขายในระดับสากล แต่ต้องแจ้งก่อนว่าเครื่องที่เรานำมารีวิวเป็นเครื่องทดสอบก่อนวางขายจริง ดังนั้นอาจมีบางส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ครับ

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ

สิ่งที่ทำให้ HUAWEI MatePad Pro 12.6 โดดเด่นน่าสนใจเป็นพิเศษ ก็อย่างเช่นระบบ Enhanced Mode ที่ใช้ร่วมกับระบบ Smart Unlock ซึ่งปรกติแล้วถ้าตัวเครื่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บลูทูธเช่น HUAWEI Band 6 ก็จะปลดล็อกหน้าจอให้อัตโนมัติ แต่ระบบ Enhanced Mode จะเช็คด้วยว่าเราสวมใส่อุปกรณ์นั้นอยู่รึเปล่า และยังคำนวณเรื่องระยะทางด้วยว่าอยู่ในระยะจริงไหม ซึ่งทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

Multi-Screen Collaborator ที่นำหน้าจอของสมาร์ทโฟน HUAWEI มาไว้บนหน้าจอ HUAWEI MatePad Pro 12.6 ทำให้เราสามารถดูหรือควบคุมและพิมพ์ได้สะดวกกว่า และยังมี HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop ที่เหมือนจอเสริมสำหรับโน้ตบุ๊ค HUAWEI ด้วย Mirror Mode และ Extend Mode เพื่อเอาภาพจากหน้าจอโน้ตบุ๊คมาไว้บน HUAWEI MatePad Pro 12.6 ทำให้เราสามารถใช้งาน Photoshop หรือแอพอื่นๆ ผ่าน HUAWEI MatePad Pro 12.6 และใช้ M-Pencil วาดเขียนได้ด้วย

รวมถึง HUAWEI Share ที่โยนไฟล์ข้ามเครื่องได้สะดวกมาก แค่เลือกไฟล์ที่ต้องการและเครื่องปลายทาง นอกจากนี้ยังทำงานได้สะดวกด้วย Multi-Window ที่เปิดหน้าต่างพร้อมกันได้สูงสุด 4 แอพ และยังพับย่อเก็บลงไปไว้ด้านข้างได้ถึง 10 แอพ ช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานแบบ Multi-Tasking

Free Script ที่ใช้ M-Pencil เขียนตัวอักษรแล้วจะถูกแปลงเป็นตัวพิมพ์ และรองรับภาษาไทยเมื่อเปลี่ยนภาษาตัวเครื่องเป็นไทย

App-Multiplier เป็นการแก้ปัญหาแอพที่ออกแบบมาสำหรับหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยจะทำการแบ่งแอพนั้นให้เป็น 2 หน้าจอเมื่อกดเข้าเมนูต่างๆ ทำให้ใช้พื้นที่บนหน้าจอได้อย่างคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม

รายละเอียดและสเปค HUAWEI MatePad Pro 12.6

ตัวเครื่อง HUAWEI MatePad Pro 12.6 มีหน้าจอขนาด 12.6 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด QHD รีเฟรชเรท 120Hz ความสว่าง 400 nits อัตราส่วน 16:10 ใช้ชิปเซ็ต Kirin 9000E แรม 8GB หน่วยความจำ 256GB รองรับหน่วยความจำภายนอก NM Card แบตเตอรี่ 10,050 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว HUAWEI FastCharge 40W และรองรับ Reverse Charging 10W เพื่อชาร์จพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่น

การดีไซน์ตัวเครื่องใช้ขอบแบบโค้งมนทำให้ถือได้ละมุนมือ และยังมีน้ำหนัก 609 กรัม ส่วนลำโพง 8 ตัวยังคงใช้บริการปรับแต่งจาก harman/kardon ที่ให้เสียงใสกังวาลกับเบสที่ออกไปทางนุ่มฟังสบาย และแม้ว่าจะไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. ด้านการทำ VDO Call ก็ทำได้ชัดเจนด้วยไมค์ 4 ตัว

HUAWEI MatePad Pro 12.6 ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้แนวนอนในลักษณะเดียวกับโน้ตบุ๊คเป็นหลัก โดยดูได้จากตำแหน่งการวางกล้องที่อยู่กึ่งกลางเมื่อวางในแนวนอน ส่วน M-Pencil จะดูดติดกับขอบเครื่องเยื้องไปทางด้านขวาเพื่อความสะดวกในการพกพาและเป็นการชาร์จ M-Pencil ไปในตัว โดยเราสามารถเคาะเบาๆ 2 ครั้งที่ด้านบนของ M-Pencil เพื่อสลับโหมดการใช้งานได้

สิ่งที่ HUAWEI โดดเด่นมาหลายปีคือเรื่องกล้อง และแม้ว่าจะมาในรูปแบบ Tablet แต่ก็ถือว่าให้กล้องมาดีในระดับถ่ายใช้งานทั่วไปและอัพโซเชียลได้สบายๆ โดยกล้องแบ่งออกเป็น

• กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 แบบ Auto Focus
• กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 แบบ Fixed Focus
• กล้องวัดความลึก 3D Depth Sensing Camera
• กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 แบบ Fixed Focus

แอพกล้องยกห้องเครื่อง AI มาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น AI Lens ที่ช่วยค้นหาข้อมูลจากภาพถ่ายรวมถึงการแปลภาษา และมีโหมดพื้นฐานให้ใช้งานไม่ว่าจะเป็น Portrait, Night Mode, Aperture, Pro (Manual Mode), Monochrome, Slow-Mo (up to 480fps), Light Painting, AR Lens 

คุณภาพไฟล์จากกล้องหลัง เรียกได้ว่าเทียบเท่ากลุ่มสมาร์ทโฟนราคาราวๆ 7,000 – 10,000 บาทในปี 2021 เลย ซึ่งถือว่าทำได้ดีมากสำหรับความเป็น Tablet ส่วนกล้องหน้าก็ดีเพียงพอสำหรับการทำ VDO Call ถ้าแสงดีหน่อยก็ถ่ายออกมาดูดีเลย

HUAWEI M-Pencil (2^nd generation) มีเซนเซอร์เพิ่ม ความแม่นยำในการเขียน และมีความหน่วงน้อยลง รองรับแรงกดได้ที่ 4,096 ระดับ รองรับการแปลงลายมือเป็นข้อความภาษาไทย

HUAWEI Smart Magnetic Keyboard มี NFC อยู่ที่ปุ่ม Shift ข้างขวา สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของ HUAWEI เพื่อทำ Multi-Screen Collaborator ที่ดึงเอาภาพหน้าจอสมาร์ทโฟนของ HUAWEI มาแสดงผลบน HUAWEI MatePad Pro 12.6 แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเครื่องที่เราได้มาทดสอบ ไม่มีระบบปิดหน้าจอเมื่อปิดฝาเคส ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเครื่องที่วางขายจริงจะมีการปรับปรุงส่วนนี้หรือไม่

HarmonyOS 2.0 ประสบการณ์ที่แตกต่างแต่คุ้นเคย

สิ่งที่คนให้ความสนใจและอยากรู้ที่สุดก็คือ HarmonyOS 2.0 ทำอะไรได้บ้างและมันแตกต่างยังไง …สิ่งที่ทำให้ HarmonyOS 2.0 มีความแตกต่างจาก Android ทั่วไปก็คือการถอด GMS ออกและใช้ HMS แทน ซึ่งหลายคนที่ได้ใช้งาน HMS มาก่อนหน้านี้ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเร็วกว่า GMS พอตัวเลย และ UI ต่างๆ แทบไม่ต่างจากเดิม เพราะ HUAWEI ยังคงใช้แนวทางของ EMUI ทำให้ผู้ใช้แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรในแง่ของเมนูและการจัดวางปุ่มต่างๆ โดยมี Animation ต่างๆ ที่สวยงามและลื่นไหลมาก เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่า Android Tablet พอตัว

UI ของ HarmonyOS 2.0 บน HUAWEI MatePad Pro 12.6 เหมือนการนำเอาข้อดีของ Android กับ iPadOS มารวมกัน โดยส่วนด้านล่างจะมี Dock เหมือน iPadOS ที่เราสามารถสร้างโฟลเดอร์หรือวางแอพที่เราใช้บ่อยได้บนฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นรายการแอพล่าสุดที่เราเรียกใช้

Navigation bar แบบดั้งเดิมก็ยังมีให้ใช้ เผื่อว่าใครถนัดที่จะกดปุ่ม Back, Home, Recent Apps โดยเราสามารถเลือกตำแหน่งได้ว่าจะวางไว้ที่ตำแหน่งซ้าย, กลาง, ขวา ของจอ หรือจะใช้แบบ Gesture ตามแบบฉบับของ Android ยุคใหม่ก็ได้เช่นกัน โดยการควบคุมทำได้ดีแทบไม่ต่างจาก iPadOS เลย จะต่างก็แค่ไม่มี Multi-Gesture ที่ใช้นิ้วขยุ้มหรือปัดไปมา เพราะ Multi-Gesture ใช้ทำอย่างอื่นแทน เช่นการลาก 3 นิ้วเพื่อจับภาพหน้าจอทำ Screenshot หรือจะเคาะด้วยข้อนิ้วอันเป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายก็ได้เช่นกัน

หน้า Home ยังคงเอกลักษณ์ความยืดหยุ่น จะทำเป็น Kids Mode ก็ยังได้ เพื่อป้องกันเด็กไปกดซื้อแอพเติมเงินโดยไม่ตั้งใจ หรือจะเลือกให้มี App Drawer เพื่อความเป็นระเบียบก็ได้เช่นกัน

ส่วนแถบแจ้งเตือนด้านบนแบ่งเป็น 2 ฝั่ง โดยการลากฝั่งซ้ายจะเรียกดูการแจ้งเตือน ส่วนฝั่งขวาจะเป็นการตั้งค่า ซึ่งเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดในตอนนี้ที่มวลมนุษย์จะคิดออกแล้ว

ในภาพรวมแล้วถ้าเคยใช้ HUAWEI มาก่อนหน้านี้ ก็สามารถใช้ HarmonyOS ได้แบบไม่ต้องปรับตัวอะไรมากเท่าไร ยกเว้นเรื่องแอพที่มีความแตกต่างกันบ้าง เช่น

พูดง่ายๆ ว่าค่ายอื่นมีอะไร HarmonyOS ก็ทำได้พอๆ กัน

Petal Search แก้ปัญหา OS ใหม่มีแอพน้อยได้ดีมาก

ที่ผ่านมาเราได้เห็นตัวอย่างมากมายจาก OS หน้าใหม่ที่ไปไม่รอดเพราะแอพน้อย ซึ่ง HUAWEI ก็เตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องด้วย โดย HarmonyOS 2.0 ใส่ระบบ Petal Search ที่เก่งมากๆ มาให้ และระบบค้นหานี้จะแทรกตัวอยู่ใน HUAWEI AppGallery และ Browser รวมถึงส่วนอื่นๆ ของเครื่อง คล้ายกับที่ Google ทำ โดยความเก่งเป็นพิเศษคือการค้นหาแอพจาก 3rd Party Store ต่างๆ ทั่วโลก ทำให้เราสามารถโหลดแอพต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการแก้เกมในช่วงที่ OS กำลังตั้งไข่ได้ดีมากๆ

แอพหลักๆ หลายๆ ตัว รวมถึงแอพของไทยอย่างธนาคารต่างๆ , แอพดูหนังฟังเพลง ไปจนถึงแอพของทางหน่วยงานรัฐบาล ก็มีให้โหลดได้จาก HUAWEI AppGallery แต่ในกรณีที่แอพตัวไหนที่นักพัฒนายังไม่ได้ทำเวอร์ชั่น HMS และยังไม่ได้ส่งเข้า HUAWEI AppGallery เราก็สามารถโหลดได้ง่ายๆ เพียงแค่ค้นหาชื่อแอพที่ต้องการผ่าน HUAWEI AppGallery จากนั้น Petal Search ก็จะไปค้นหาไฟล์ APK จาก 3rd Party Store ชื่อดังทั่วโลกมาให้

ตามความเห็นผมที่เคยได้บินไปร่วมงาน HUAWEI Developer Day และได้พูดคุยขอความเห็นจากนักพัฒนา Android ชื่อดัง มองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ HarmonyOS และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาแอพมีน้อย ดังนั้นการผนวกเอาโค้ดของ Android มารวมกับของ HUAWEI จึงเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด

แม้ว่า Petal Search จะมีบทบาทอย่างมากในการแก้ไขปัญหาเรื่องแอพ แต่ HUAWEI ก็ไม่ได้ปิดกั้นหากเราต้องการจะเปลี่ยนค่าตั้งต้นของ Browser ไปใช้ Google แทน

ประเด็นเรื่องแอพกับประสบการณ์ใช้งานจริง

การติดตั้งแอพผ่านความร่วมมือของ HUAWEI AppGallery และ Petal search ก็ทำให้ผมติดตั้งแอพที่ใช้งานประจำได้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Messenger, Business Suite, Twitter, Instagram, LINE ส่วนอีเมลก็สามารถใช้แอพ Email ใช้งานได้ทันดี โดยจะ Sync Calendar มาให้ด้วย

แอพตกแต่งและตัดต่อก็โหลดมาใช้งานได้เช่น foodie, FilmoraGo HD, Meitu ส่วนแอพที่เป็นระดับ Local ก็ใช้ได้แทบทั้งหมด เช่น SCB Easy, MyMo by GSB, Krungthai NEXT, Bualuang mBanking, K PLUS, dtac, TrueID, TrueMoney, เป๋าตัง, หมอพร้อม, ไทยชนะ, Shopee, Lazada, Grab, FlashExpress หรือเกมก็สามารถโหลด Genshin Impact, RoV มาติดตั้งเองได้

ในการทำงานก็มี WPS Office, Microsoft Office, Microsoft OneNote รวมถึงแอพวาดรูปเช่น ibisPaint X, Concepts หรือแม้แต่แอพความบันเทิงอย่าง Netflix, Apple Music, one31, iQIYI ก็มีให้โหลด

อันที่จริงแล้วหลายสิ่งหลายอย่างในยุคนี้ก็สามารถรันผ่านหน้าเว็บได้ และบางครั้งหน้าเว็บก็ทำได้ดีกว่าด้วย เช่น Facebook ที่เวอร์ชั่นหน้าเว็บจะมีฟีเจอร์เยอะกว่าการใช้งานแอพ หรืออย่าง remove.bg ที่ช่วยลบฉากหลังของสินค้าได้ เหมาะจะเอาไปทำแคตตาล็อกร้านค้า และอีกหลายสิ่งอย่างที่ทำให้ HarmonyOS 2.0 สามารถทดแทนการใช้งานได้แทบทั้งหมด

แต่ในกรณีที่อยากใช้แอพที่ผูกกับ GMS จริงๆ ก็สามารถโหลดแอพที่ชื่อ Gspace มาใช้งานได้ ซึ่งในนั้นสามารถติดตั้งแอพแบบ GMS ได้ปรกติ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Gmail และแอพอื่นๆ

ประสบการณ์ด้านความบันเทิงและการทำงาน

HUAWEI Movie และ HUAWEI Music มีความคล้ายแอพจำพวก Netflix และ Apple Music ตรงที่ไม่ใช่แค่แอพ Media Player แต่เป็นคลังหนังคลังเพลงที่สามารถดูหนังฟังเพลงได้ฟรี และสามารถจ่ายเงิน Subscribe เพื่อดูหนังฟังเพลงระดับพรีเมี่ยมได้

ด้วยคุณภาพของหน้าจอและลำโพง รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องที่ไม่หนักเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ ทำให้สามารถถือดูหนังฟังเพลงได้อิ่มเอมมากๆ

ส่วนการเล่นเกมบนหน้าจอขนาด 12.6 นิ้วมันก็ดูเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น จอใหญ่ตระการตา แต่การถือเล่นจริงจังก็อาจจะไม่สะดวกนัก ด้วยขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ทำให้ถือนานๆ ไม่สะดวก และปุ่มต่างๆ ก็ต้องใช้นิ้วเอื้อมค่อนข้างไกล แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของประสิทธิภาพแล้วก็จัดว่าเล่นเกมได้สบายๆ โดยเกม Genshin Impact เล่นได้ดีในกราฟิกระดับกลาง ส่วน Survival Heroes ปรับสุดมีเฟรมเรทตกบ้าง แต่โดยรวมก็จัดว่าลื่นครับ

การขีดเขียนด้วย M-Pencil โดยรวมถือว่าทำได้ดี ส่วนแป้นพิมพ์ที่ติดมาให้เดิมๆ เป็นของ Microsoft SwiftKey ซึ่งทำงานร่วมกับ Smart Magnetic Keyboard ได้ลงตัว และยังรองรับการตั้งค่าการพิมพ์เป็นภาษาไทยด้วย แต่โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่า Gadgetdoor Thai Keyboard ใช้งานร่วมกับ Smart Magnetic Keyboard ได้ง่ายกว่า

ระยะการจัดวางปุ่มบนแป้นพิมพ์ทำได้ไม่ต่างจาก Keyboard ขนาดมาตรฐาน ทำให้พิมพ์ได้สะดวก มีปุ่ม Shortcut สำหรับปรับเสียงปรับแสงให้ใช้งาน และแม้ว่าจะเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ แต่แป้นพิมพ์จะรับคำสั่งก็ต่อเมื่อวางตัว HUAWEI MatePad Pro 12.6 ตั้งเข้ากับฐานเท่านั้น โดยฐานมีให้ปรับองศาหน้าจอได้ 2 ระดับ ซึ่งการที่แป้นพิมพ์จะรับคำสั่งเมื่ออยู่บนฐานเท่านั้น ทำให้เวลาที่เราพับแป้นพิมพ์ไปไว้ด้านหลัง ตัวเครื่องจะไม่ลั่นการพิมพ์เมื่อเราเผลอโดนปุ่ม

บทสรุปรีวิว HUAWEI MatePad Pro 12.6″

ในโลกของ Tablet เป็นที่รู้กันว่า iPad คือเจ้าถิ่น ด้วยความพร้อมต่างๆ ทำให้คนนิยมมากกว่า แต่ HUAWEI MatePad Pro 12.6 ทำให้ทีมงานเรารู้สึกว่านี่เป็น Tablet ที่ดูมีความหวังว่าจะแย่งส่วนแบ่งจาก iPad ได้ ด้วยฟีเจอร์และ Ecosystem ที่ครบเครื่องไม่แพ้กัน รวมถึงการปรับแต่งของ HarmonyOS 2.0 ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี

ถ้าต้องการอุปกรณ์ที่อยู่แบบเดี่ยวๆ ก็ทำงานได้ดี และทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้เก่งผ่าน Ecosystem ก็มีตัวเลือกแค่ไม่กี่อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ HUAWEI MatePad Pro 12.6 ครับ